ขออนุญาตเล่าเรื่องราวของนักเขียนหนังสือเด็กคนหนึ่ง ชื่อ ตุ๊บปอง ให้อ่าน เผื่อจะสร้างแรงบันดาลใจให้พ่อแม่ยุคใหม่
หันมาใส่ เมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา ที่พ่อแม่บ่มเพาะด้วยกรุณาแห่งหัวใจ ให้ลูกตั้งแต่วัยเด็กนับแต่วันนี้ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี ก็ไม่มีหาย ยังอยู่ในวิถีชีวิต และในหัวใจของลูกนี่แหละ
การอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ดีอีกวิถีหนึ่งที่ทำให้บ้านเราอบอุ่นเพราะมีช่วงเวลาของชีวิตที่สงบ หากแต่เบิกบาน แจ่มใส ร่มเย็นและเป็นสุขร่วมกัน
แม้นบ้านของเราจะอยู่ในชนบท.. ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา แต่บ้านเรามีหนังสือ
เรื่องนี้ พ่อเป็นดารานำชายยอดเยี่ยม ที่ไปสมัครเป็นสมาชิกร้านหนังสือในเมืองพิษณุโลกแล้วให้ส่งมาทางรถไฟเที่ยว 6 โมงเช้า ที่เรา..พี่ ๆ น้อง ๆ พากันไปรอที่สถานีรถไฟแควน้อยเพื่อรับหนังสือที่มีมาทุกวัน ทั้งหนังสือการ์ตูนตุ๊กตา หนูจ๋า เบบี้ ชัยพฤกษ์การ์ตูน ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ เด็กก้าวหน้า และ Student Weekly อ่านเป็นรายสัปดาห์บ้าง รายปักษ์บ้าง รายเดือนบ้าง
แม้ทุกปกจะปิดตัวไปนานแล้วแต่หนูนิด หนูหน่อย หนูแจ๋ว จากหนังสือการ์ตูนตุ๊กตา ยังคงเป็นอดีตที่ไม่เคยเลือนหายไปจากชีวิต ความรู้สึกสนุกสนานในสาระยังโลดแล่นอย่างมีความสุขในความทรงจำเสมอ
ทุกคนในบ้านรักการอ่าน..รักหนังสือ
พ่อแม่อ่านให้ลูก ๆ ฟังบ้าง พี่ ๆ อ่านให้น้อง ๆ ฟังบ้าง พี่เลี้ยงอ่านให้เราฟังบ้างหรือเราอ่านกันเองบ้าง..ทุกคนในบ้านจึงมีความสุขร่วมกันในโลกของหนังสือโดยแท้
แม้มีคนอ่านหนังสือให้เราฟัง แต่แม่ไม่เคยทิ้งภารกิจนางงาม ยังคงเล่าขานนิทานผ่านชีวิต ให้ลูก ๆ ฟังทุกคืน..ไม่ขาด
ลูก ๆ ทั้ง 8 คนจึงหลับตาลงในอ้อมกอดอุ่น ๆ มีเสียงนุ่ม ๆ ของแม่ที่เล่านิทานให้ฟัง โดยมีพ่อเป็นลูกคู่ เพิ่มอรรถรสให้นิทานของแม่สนุกหนักเข้าไปอีก..ช่างเป็นความสุขสุด ๆ ของชีวิตในวัยเยาว์โดยแท้
เมื่อ 60 ปีก่อน (นับตามอายุผู้เขียน)
ทุกค่ำใต้แสงตะเกียงน้ำมันก๊าด บนระเบียงบ้านซี่ระแนงไม้โปร่งโล่งตา รับสายลมที่ไหวเบา ๆ พอสบาย ตุ๊บปองและพี่ ๆ น้อง ๆ จะเข้าไปซุกจั๊กกะแร้ของแม่ข้างละคนสองคน แล้วตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อว่า “กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว..ของวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหนอ..”
คืนหนึ่ง แม่เล่านิทานชาดกเรื่อง กระต่ายตื่นตูมให้ฟัง
ตุ๊บปอง เกิดชอบอกชอบใจในนิทาน เรื่อง กระต่ายตื่นตูม มาก จนวันหนึ่งเกิดความคิดบรรเจิดอยากจะแต่งนิทานอ่านเองดูบ้าง ก็เลือก เรื่อง กระต่ายตื่นตูม นี่แหละ มาเขียนตามจริตของตัวเอง ในสไตล์ที่มีกลิ่นอายการเดินกลอน แบบกลอนโบราณ ที่คุ้นเคยจากการฟังเพลงพื้นบ้าน
ตอนนั้นอายุได้สัก 11 - 12 ขวบเองนะ
เดินกลอนไว้ว่า
“กระรอก กระแต ตัวตุ่น วิ่งชุลมุน กระแต๊ะ กระเต๊าะ
กระโดด กระดุ๋ง กระดุ๋ง หัวเราะตีพุง ในป่าละเมาะ
ฉับพลันเสียง ตูม ดังก้อง ทุกตัวจ้องมองหลังป่าละเมาะ
เห็นกระต่ายตะโกนหน้าตื่น อย่ามัวแต่ยืนต้องตีต้องเคาะ
เร็ว ๆ อย่าช้า รีบหนี ฟ้าถล่ม ตูม ที่ป่าละเมาะ”
แต่งจนจบเรื่อง แล้วเอาไปอวดพ่ออวดแม่ อวดพี่ ๆ น้อง ๆ และอวดใครต่อใครทั่วบ้าน
ยังจำความรู้สึกในวันนั้นได้ดีว่าความชื่นชอบและคำชื่นชมจากทุกคนนั้นมีคุณค่าต่อหัวใจมากมายอย่างคาดไม่ถึง
แหม..มันทำให้หัวใจพองโตจริง ๆ
กระต่ายตื่นตูมจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทำให้ ”ตุ๊บปอง” มั่นใจในการเขียนอะไรต่อมิอะไรมากมายเท่าที่ใจนำทางอย่างเป็นสุข..แต่ไม่ทิ้งการเดินกลอนแบบกลอนโบราณ
เวลาผ่านมากว่า 30 ปี จนเมื่อปี 2547 กระต่ายตื่นตูม ถูกคุณริสรวล อร่ามเจริญ แห่งแปลน ฟอร์ คิดส์ หยิบมาทำเป็นรูปเป็นเล่ม ภาพประกอบสวยงาม สีสันสดใสด้วยฝีมือการปั้นแป้ง ของนฤมล ตนะวรรณสมบัติ..ดังที่เห็นบนแผงหนังสือ
นี่ไง..จึงอยากบอกพ่อ ๆ แม่ ๆ ทุกคนว่า ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถ้าพ่อแม่จะลงใจ ลงรัก และลงทุน เล่านิทาน อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่เล็ก ทำให้เป็นวิถีปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่แน่นะ
วันหนึ่งข้างหน้า อาจจะมีนักเขียนนิทานสำหรับเด็กคนใหม่ที่..ตูม..ตูม..ตูม มาจากคนในครอบครัวของคุณก็เป็นได้..ใครจะไปรู้