We use cookies
We use cookies to improve your experience and performance on our website. You can manage your preferences by clicking "Change Preferences".Cookie Policy
Vincent Van Gogh มีผลงานอะไรมากกว่า The starry night
สวัสดีค่ะชาวคลับ สำหรับศิลปินที่เกิดในเดือนมีนาคมที่เราอยากพูดถึง คิดว่าหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันดีและเห็นประวัติเค้ากันมาบ้างแล้ว เค้าก็คือ วินเซนต์ แวนโก๊ะ หรือ Vincent Van Gogh (30 มีนาคม 1853 เนเธอร์แลนด์ – มกราคม 1891 ฝรั่งเศส) จิตรกร Post-Impressionist ที่โด่งดังและมีอิทธิพลต่อวงการศิลปะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เค้าสร้างผลงานไว้กว่า 2,100 ชิ้น รวมถึงภาพเขียนสีน้ำมันประมาณ 860 ชิ้น ภายใน10 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่วง 2 ปีสุดท้ายของชีวิตเค้า ภาพที่เค้าวาดไว้นั้นมีทั้งภาพทิวทัศน์ ภาพสิ่งของ ภาพคน และภาพเหมือนตัวเอง ผลงานของแวนโก๊ะมีลักษณะเฉพาะ ด้วยสีสันที่โดดเด่นและฝีแปรงที่เป็นเอกลักษณ์ และแสดงออกถึงพลัง ซึ่งส่งผลต่อรากฐานของศิลปะในยุคต่อมา ตลอดช่วงที่เค้ามีชีวิตอยู่ ไม่ได้ถือว่าเป็นจิตรกรที่ประสบความสำเร็จอย่างที่รู้จักเค้ากันในทุกวันนี้นะคะ แวนโก๊ะต้องดิ้นรนกับภาวะซึมเศร้าและความยากจนอย่างมาก ในที่สุดก็นำไปสู่การตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเองลงในวัยเพียง 37 ปี
แน่นอนว่าทุกคนต้องคุ้นตากับผลงานของแวนโก๊ะกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น The Starry Night ภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งถ่ายทอดมาจากจินตนาการของแวนโก๊ะ ในช่วงที่เค้าอยู่ที่โรงพยาบาลใน Saint-Rémy
หรือภาพเซ็ต Sunflowers ดอกทานตะวันในแจกัน ทั้ง 4 รูปแรกที่ได้วาดขึ้นและ อีก 3 รูปถัดมาที่เค้าได้วาดโดยมี 4 รูปแรกเป็นแบบ ดอกทานตะวันมีความพิเศษสำหรับแวนโก๊ะนอกจากจะเป็นดอกไม้ที่เค้าชอบแล้วยัง เป็นการสื่อถึงความรู้สึกขอบคุณอีกด้วย
และภาพเหมือนของตัวแวนโก๊ะเองที่เค้าได้วาดขึ้นไว้กว่า 35 รูป ในเวลา 10 ปี เป็นตัวเองในช่วงชีวิตต่างๆ วันนี้เราเลยอยากเอานผลงานอื่นๆ ที่จิตรกรชื่อดังคนนี้ได้วาดไว้ แต่อาจจะไม่ค่อยได้เห็นกัน มาให้ชาวคลับได้ดูกันด้วยค่ะ
Garden at Arles (1888)
‘ใต้ท้องฟ้าสีคราม ดอกไม้สีส้ม สีเหลือง และสีแดงที่เปล่งประกาย และในอากาศที่สดใส มีบางสิ่งที่มีความสุขและบ่งบอกถึงความรักมากกว่าทางเหนือ...' แวนโก๊ะได้เขียนบรรยายไว้ในจดหมายถึงธีโอน้องชายของเค้า ในฤดูร้อนปี 1888 ในจดหมายฉบับเดียวกัน เค้าได้กล่าวถึงการศึกษาและภาพวาดของสวนใกล้ Arles และนี่เป็นหนึ่งในสองภาพวาดที่แวนโก๊ะวาดไว้ ภายในเดือนเดียวกัน ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิของปีนั้น
ภาพวาดนี้มีความรู้สึกสดใสอย่างมาก และแสดงให้เห็นว่า แวนโก๊ะกำลังทดลองกับทฤษฎี Pointillist (การใช้จุดที่มีสีต่างกันเพื่อสร้างรูป) เค้าคุมฝีแปรงให้เล็กและสั้น เต็มไปด้วยสีสันที่สดใส ทุกการลงสีและเส้นมีความสำคัญต่อการภาพโดยรวม ภาพวาดนี้สะท้อนความรู้สึกของ 'งานดีไซน์' มากกว่าสิ่งที่เป็นจริง
The Sea at Les Saintes-Maries-de-la-Mer (1888)
ภาพวิวทะเลนี้คาดว่าแวนโก๊ะได้ว่าขึ้นที่ชายหาด เนื่องจากพบเม็ดทรายในชั้นสี เป็นรูปวาดขึ้นที่หมู่บ้านชาวประมง Les Saintes-Maries-de-la-Mer ระหว่างเค้าเดินทางจาก Arles ไปทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ในภาพนี้นอกจากสีน้ำเงินและสีขาวที่เค้าวาดลงบนผืนผ้าใบด้วยเส้นที่หนา แล้ว ยังใช้สีเขียวและสีเหลืองเพื่อสร้างคลื่นอีกด้วย เค้าลงสีเหล่านี้ด้วยเกรียง เพื่อจับเอฟเฟกต์ของแสงที่ลอดผ่านคลื่น ซึ่งไม่บ่อยนักที่เค้าจะใช้อุปกรณ์นี้ในการเพ้นท์รูป แวนโก๊ะมีความตื่นเต้นกับสีสันของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างมาก เค้าได้อธิบายไว้ในจดหมายถึงธีโอ น้องชายของเค้าว่า 'มีสีเหมือนปลาทูหรือพูดอีกอย่างก็คือ สีมีการเปลี่ยน - คุณไม่รู้หรอกว่ามันคือสีเขียวหรือสีม่วง - คุณไม่รู้หรอกว่ามันเป็นสีน้ำเงินอยู่ตลอดรึเปล่า - เพราะวินาทีต่อมา เงาสะท้อนของมันเปลี่ยนไป เป็นเฉดสีชมพูหรือเทา' ในรูปนี้แวนโก๊ะตั้งใจเขียนลายเซ็นสีแดงสดไว้อย่างเด่นชัด โดยมีความตั้งใจให้เป็น 'โน้ตสีแดงในสีเขียว'
Portrait of Joseph Roulin (1889)
โจเซฟ รูแลงทำงานเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่สถานีใน Arles ซึ่งแวนโก๊ะไปที่นั่นบ่อยครั้งเพื่อส่งภาพวาดให้ธีโอน้องชายของเค้าในเนเธอร์แลนด์ และพวกเค้าก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน ระหว่างเดือนสิงหาคม 1888 ถึงเมษายน 1889 เค้าได้วาดภาพเหมือนของโจเซฟไว้ถึง 6 ภาพต่อกัน โดยมี 3 ภาพที่มีดอกไม้อยู่เบื้องหลัง ในภาพวาดที่ยกมานี้ เป็นดอกไม้ในฤดูร้อน อย่างดอกป๊อปปี้ คอร์นฟลาวเวอร์ ดอกเดซี่ และดอกกุหลาบ ซึ่งถูกวาดไว้แบบตรงกันข้ามกับการวาดใบหน้าของโจเซฟและเคราที่เป็นลอน แวนโก๊ะลงสีด้วยการฝีแปรงอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว นอกจากนี้โจเซฟ รูแลงแล้ว เค้ายังได้วาดภาพเหมือนของคนอื่นๆ ในตระกูลรูแลงอีกกว่า 20 รูป
Undergrowth (1889)
หนึ่งในภาพที่แวนโก๊ะวาดขึ้นขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใน Saint-Rémy เป็นมุมนึงของสวนในโรงพยาบาล เมื่อมองแวบแรก สิ่งที่เราเห็นทั้งหมดนี้คือลำต้นของต้นไม้ที่รกไปด้วยไม้เลื้อย และมีแสงเป็นหย่อมๆ บนพื้น แต่ถ้าซูมเข้าไปดูดีเทลในภาพนี้ จะมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากฝีแปรง ลายเส้นเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นสั้นๆ และมีสีที่ต่างกัน จะเห็นได้ว่าในรูปแวนโก๊ะใช้เส้นที่ยาวกว่าเพื่อวาดเส้นโครงร่างของต้นไม้เท่านั้น
Two crabs (1889)
ภาพนี้คาดว่าวาดขึ้นได้ไม่นานหลังจากที่แวนโก๊ะออกจากโรงพยาบาลใน Arles ในเดือนมกราคม 1889 เค้าได้เขียนจดหมายถึงธีโอ น้องชายว่า ‘พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานอีกครั้ง ฉันจะเริ่มต้นด้วยการวาดภาพนิ่ง 1 หรือ/ 2 ภาพเพื่อให้คุ้นเคยกับการกลับมาวาดภาพอีกครั้ง' มีการคาดว่าแวนโก๊ะได้รับแรงบันดาลใจจาก 'ปู' แม่พิมพ์แกะสลักโดยโฮะคุไซใน 'Le Japon Artistique' ฉบับเดือนพฤษภาคม 1888 มีอีกภาพที่วาดโดยแวนโก๊ะในลักษณะที่คล้ายกันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ อัมสเตอร์ดัม โดยเป็นรูปปูถูกวางหงายอยู่บนหลังของมัน สำหรับรูปนี้น่าจะเป็นปูตัวเดียวกันที่วางหงายและคว่ำ โดยแวนโก๊ะใช้ฝีแปรงแบบต่างๆ เพื่อถ่ายทอดพื้นผิวของปู ลายเส้นที่ขนานกันสร้างให้เกิดเป็นรูปร่างของปู บนพื้นพื้นหลังที่คล้ายกับทะเลที่อุดมสมบูรณ์
ผลงานของ Vincent van Gogh ไม่เพียงแต่จะมากำหนดแนวคิด Post-impressionism และให้แรงบันดาลใจมากมาในโลกศิลปะเท่านั้น แต่เรื่องราวชีวิตที่น่าเศร้าของเค้ายังเป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียน ถูกนำไปแต่งเป็นเพลง สร้างเป็นภาพยนต์อีกนับไม่ถ้วน ถ้าแวนโก๊ะยังมีชีวิตอยู่ เดือนนี้เค้าจะมีอายุ 169 ปี Happy Birthday Vincent Van Gogh! ใครอ่านแล้วอยากออกไปวาดรูปแบบแวนโก๊ะ เตรียมอุปกรณ์แนะนำตามลิสนี้แล้วลงมือได้เลย หรือทัก Facebook B2S Thailand หรือ Line Chat&Shop ที่ Line B2S Thailand เพื่อถามข้อมูลอุปกรณ์ที่กำลังหาอยู่ได้เลยค่ะ
รวมอุปกรณ์สีน้ำมัน
เครดิต : artsandculture.google.com