ไม่ว่าพ่อแม่คนไหนๆ ก็ย่อมอยากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ซึ่งบางครั้ง ความปรารถนาดีที่มาจากความรักและห่วงใย ก็อาจทำให้เข้าใจผิด และเผลอทำบางอย่างไปตาม “ความเชื่อ” ที่เขาบอกต่อๆ กันมาว่าดี แต่ผลลัพธ์อาจไม่เป็นอย่างที่คิด มาดูกันว่า จะมีความเชื่อในการเลี้ยงลูกแบบผิดๆ อะไรบ้าง ที่พ่อแม่ต้องระวัง
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรได้รับสารอาหารมีประโยชน์และครบถ้วน โดยเฉพาะ ‘นม’ ที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง เพราะจะช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และมีความเชื่อกันว่า ยิ่งแม่ท้องกินนมมากเท่าไหร่ ลูกในท้องก็จะยิ่งแข็งแรง ตัวสูงใหญ่มากเท่านั้น
แต่ความจริงแล้ว การดื่มนมแทนน้ำ หรือดื่มมากเกินไป กลับมีผลเสียกว่าที่คิด! เพราะโปรตีนจากนมวัวในปัจจุบัน ได้มาจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีรูปร่างหน้าตาต่างจากโปรตีนของมนุษย์ เมื่อโปรตีนนี้ ถูกส่งผ่านไปยังลูกในครรภ์ แต่ระบบย่อยของลูกน้อยไม่รองรับและไม่พร้อมจะย่อยโปรตีนชนิดนี้ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของลูกต่อต้านจนทำให้เกิดอาการแพ้นมวัวตั้งแต่แรกเกิดได้
ดังนั้น แทนที่คุณแม่จะดื่มนมเพียงอย่างเดียว ควรปรับมาดื่มเพียงวันละ 1-2 แก้ว แล้วหันไปกินอาหารหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ ลูกน้อยก็จะสามารถเติบโตมาแข็งแรงได้เช่นกัน
แม่ท้องอุ้ยอ้าย เคลื่อนไหวตัวก็ลำบาก เพราะต้องแบกน้ำหนักของลูกน้อยในครรภ์ ไม่ควรออกกำลังกายเพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการแท้ง!
จริงๆ แล้ว คุณแม่ที่ท้องอยู่ ก็สามารถออกกำลังกายได้เหมือนคนปกติ เพียงแต่ต้องเลือกกีฬาที่เหมาะสมกับอายุครรภ์
โดยการออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณแม่ ได้แก่ การเดิน การปั่นจักรยานอยู่กับที่ ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิคในน้ำ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และยืดร่างกายให้ผ่อนคลาย ลดการเป็นตะคริว และปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ คุณแม่ที่มีโรคประจำตัว มีภาวะเสี่ยง หรือไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนเสมอ
ลูกวัยหัดเดินที่กำลังซน สนุกกับการเดินทั้งวันจนทำให้คุณแม่หมดแรง ทั้งต้องคอยระมัดระวังไม่ให้คลาดสายตา อีกใจก็กลัวว่าลูกจะเดินไม่แข็งเพราะล้มบ่อย คุณแม่หลายคนจึงตัดสินใจซื้อรถหัดเดินมาใช้กับลูกเพราะเชื่อว่าจะ ช่วยให้เดินเร็วขึ้น แถมยังจำกัดพื้นที่ได้เวลาที่แม่ต้องทำธุระส่วนตัว
แต่คุณแม่ทราบไหมคะว่า รถหัดเดินอาจไม่ดีอย่างที่คิด! แถมยังนำอันตรายมาถึงตัวลูกแบบไม่ทันรู้ตัว เพราะรถมีล้อทั้งสามด้าน ทำให้ลูกเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว แค่ไถขาเบาๆ ก็เดินได้สบายแล้ว ในทางกลับกัน กระดูกและกล้ามเนื้อขาของลูกไม่ได้รับการฝึกฝน ลูกไม่รู้จักท่าล้ม ท่าลุกด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้ลูกเดินช้ากว่าเดิม อีกทั้งการเคลื่อนไหวโดยไม่มีตัวล็อก เสี่ยงที่ลูกจะตกบันได หรือออกไปยังพื้นที่อันตรายขณะที่คุณแม่ไม่เฝ้าดูได้ตลอดเวลา
น่าจะเป็นอีกความภูมิใจของพ่อแม่ ถ้าเห็นลูกน้อยก่อนวัยเรียนนั่งดูคลิปยูทูป หรือการ์ตูนภาษาอังกฤษ แล้วสามารถพูดภาษาอังกฤษตามได้โดยไม่ต้องสอน ความจริงแล้ว อย่าเพิ่งดีใจกับทักษะเหล่านี้ เพราะนั่นเป็นเพียงการเลียนแบบ ไม่ใช่เพราะลูกเข้าใจภาษา หรือสื่อสารโต้ตอบได้จริงๆ
ภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ เป็นการสื่อสารทางเดียวกับเด็กๆ พวกเขาแค่ฟังและทำตาม โดยไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบใดๆ เลย แม้ลูกจะพูดด้วยสำเนียงที่คล้ายเจ้าของภาษา แต่ถ้าสังเกตให้ดี เด็กๆ จะไม่เข้าใจความหมายเลยแม้แต่น้อย ยิ่งปล่อยให้ลูกอยู่หน้าจอนานมากเท่าไร ลูกยิ่งจะมีภาวะสมาธิสั้น หรือเสี่ยงเป็นออทิสติกเทียมได้ ไม่คุ้มจริง ๆ
เวลาลูกไม่สบาย มีไข้สูง หลายคนเชื่อว่า ควรให้ลูกแช่น้ำอุ่น หรือเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น เพราะกลัวลูกหนาว แต่ทราบหรือไม่ว่า นั่นกลับทำให้อาการป่วยของลูกแย่ลง เพราะตอนลูกมีไข้สูง อุณหภูมิมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จำเป็นต้องได้ลดอุณหภูมิให้ต่ำลงโดยเร็วที่สุด ด้วยการเช็ดตัวด้วยน้ำผสมน้ำแข็ง หรือจับลูกอาบน้ำทันที
อย่างไรก็ตาม หากลูกเป็นหวัด มีน้ำมูก ไอ จาม การอาบน้ำอุ่นๆ จะช่วยให้จมูกโล่ง หายใจคล่องและอาการดีขึ้น ดังนั้น คุณแม่ควรเลือกอาบน้ำให้เหมาะสมกับอุณหภูมิลูกเป็นหลัก
ความเชื่อตั้งแต่โบราณ ปู่ย่าตายายบอกไว้ ถ้าอยากให้ลูกหัวทุยสวย ต้องจับนอนคว่ำตั้งแต่ยังเล็ก แต่หารู้ไหมว่า...การทำแบบนี้ อาจเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตได้ เนื่องจากทารกก่อน 1 ขวบยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากลูกนอนคว่ำแม้จะพลิกหน้าแล้ว แต่หากลูกตื่นแล้วพลิกหัว หรือยกหัวแต่หมดแรงก่อนแล้วหน้าคว่ำกับที่นอน ก็ทำให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้
จริงๆ แล้ว แม้กะโหลกของทารกจะนุ่มนิ่ม แต่หัวจะมีรูปทรงเช่นไร ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมไม่ใช่ท่านอน ไม่ควรเสี่ยงให้ลูกนอนคว่ำจะดีที่สุด
เชื่อว่าคุณแม่หลายคน คงเคยได้ยินความเชื่อนี้ โดยเฉพาะคนที่มีลูกสาว เพราะตอนเล็กๆ เห็นขาลูกโก่งเข้า กลัวว่าโตไปจะเดินขาโก่ง ขาไม่สวย ว่ากันว่า ควรเริ่มดัดขาลูกให้เหยียดตรงตั้งแต่ยังเป็นทารก
แต่นั่น กลับกลายเป็นการทำร้ายลูกโดยไม่ตั้งใจ เพราะขาของทารกจะยังโต และเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่วัยรุ่น แต่การดัดขาลูก ถ้าไม่ระวังให้ดี ออกแรงเยอะเกินไป จะทำให้ลูกขาหักได้เลย อันตรายมากจริงๆ
“เอาเขียดมาตบปาก เดี๋ยวลูกก็พูดเก่งแล้ว” ความเชื่อโบราณที่คุ้นหูมาหลายสมัย เพราะกบเขียดเป็นสัตว์ที่ร้องเก่ง ร้องเสียงดัง ถ้าเอามาตบปากคงช่วยให้เด็กพูดเร็วขึ้น
สำหรับเด็กพูดช้า ไม่ยอมเปิดปากพูด คงทำให้พ่อแม่กลุ้มใจไม่น้อย เพราะกลัวว่าลูกจะมีพัฒนาการช้า แต่วิธีนี้ อาจทำให้ลูกได้รับเชื้อโรคเข้าทางปากและเป็นอันตรายได้ ทางที่ดีคือ หมั่นสังเกตพัฒนาการของลูก เด็กแต่ละคนพูดช้าเร็วไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงไม่ควรเปรียบเทียบ และควรหมั่นพูดคุยกับลูกบ่อยๆ ยิ่งเด็กมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่มากเท่าไร ก็ยิ่งได้เรียนรู้วิธีพูด พูดเร็วขึ้นและเก่งขึ้นเองในไม่ช้า
ทารกวัย 1-3 เดือนแรกมักร้องบ่อย บางคนอาจร้องงอแงโดยเฉพาะตอนกลางคืน พ่อแม่ต้องคอยอุ้มคอยปลอบอยู่หลายชั่วโมง ถึงจะให้กินนมจนพุงป่อง เช็กว่าผ้าอ้อมว่าสะอาดเอี่ยมแล้วแต่ลูกก็ยังไม่หยุดร้อง
ปู่ย่าตายายหลายบ้านมักบอกว่า กินนมอย่างเดียวไม่พอแล้ว ลูกยังหิวจึงร้องงอแง ถ้าอยากให้ลูกหลับสบายให้ป้อนกล้วยน้ำว้าให้กิน ซึ่งทำตามนั้นแล้วก็ดูจะได้ผล แต่ไม่นานลูกก็กลับมาร้องเช่นเดิม แถมอาจเสี่ยงต่อโรคลำไส้อุดตันตามมาด้วย
นั่นก็เพราะ เด็กวัยนี้ ยังไม่ควรกินอาหารอื่นนอกจากนม ระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์ การกินกล้วย แม้จะทำให้อิ่มท้อง แต่เมื่อย่อยอาหารไม่ได้ จะเกิดการสะสมกลายเป็นลำไส้อุดตัน และลูกจะร้องหนักขึ้นเพราะปวดท้อง
สาเหตุที่ลูกวัยเบบี๋ร้องงอแงเพราะรู้สึกกลัว ยังไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอกครรภ์ของแม่ การกอดและอุ้ม คอยปลอบโยนด้วยเสียงกล่อมของแม่ ไม่นานลูกก็จะหยุดร้องได้เอง แต่ถ้าพบว่าลูกมีภาวะ “โคลิค” หรือร้องสามเดือน ขอแนะนำให้ปรึกษากุมารแพทย์เพื่อหาทางออกจะดีที่สุด
ถ้าอยากรู้วิธีเลี้ยงลูกที่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นหาความรู้ใหม่ๆ ผ่านสื่อต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะคู่มือสำหรับพ่อแม่ 3 เล่มนี้ ที่ต้องมีติดบ้าน ได้แก่
หนังสือที่เขียนโดยกุมารแพทย์ชื่อดังของอเมริกา ครอบคลุมการเลี้ยงดูลูกทุกสเต็ปตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น เหมาะใช้เป็นคัมภีร์ประจำบ้าน เมื่อเกิดปัญหาอะไร มีข้อสงสัยตรงไหนก็เปิดอ่านได้ทันที แนะนำว่าควรอ่านตั้งแต่เตรียมตัวคลอด เพื่อให้การเลี้ยงลูกราบรื่นและเป็นไปอย่างมีความสุข
ผลงานของจิตแพทย์ขวัญใจพ่อแม่ ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับ EF และให้ข้อคิดเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกมากมาย ซึ่งได้รวบรวมคำถามและคำตอบที่พบบ่อยจากแฟนเพจของคุณหมอ เหมาะสำหรับพ่อแม่ของลูกทุกวัย อ่านสนุก กระชับ เข้าใจง่าย และมีอารมณ์ขันด้วยสไตล์ของคุณหมอที่โดนใจพ่อแม่ที่สุด เป็นหนังสืออีกเล่มที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ
Q&A เลี้ยงลูกให้หายสงสัยสไตล์คุณหมอประเสริฐ
ตีแผ่เรื่องราวของเด็กๆ ที่ช่วยให้พ่อแม่เข้าใจเจ้าตัวเล็กมากขึ้น ผลงานของ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ที่จะช่วยปรับทัศนคติให้พ่อแม่เข้าใจว่า.. แท้จริงแล้ว เด็กเกิดมาพร้อมพื้นฐานอารมณ์และรสนิยมที่แตกต่างกัน พร้อมแนะนำวิธีเลี้ยงลูกประเภทต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ ด้วยศาสตร์และศิลป์ที่เข้ากับธรรมชาติของเด็ก เพื่อให้พ่อแม่เตรียมตัวให้พร้อมและช่วยผลักดันจนลูกสามารถผ่านพ้นจุดวิกฤตเหล่านั้น และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่เอาตัวรอดเป็นและมีความสุข
เด็กไม่ใช่ผ้าขาว อย่าเข้าใจผิด
เป็นพ่อแม่ยุคใหม่ ต้องใส่ใจหาความรู้ หนังสือดีๆ 3 เล่มนี้ ต้องมีติดบ้านด่วน! พิเศษ สั่งซื้อสินค้าจาก B2S มาพร้อมโปรโมชั่นดีๆ มีคูปองส่วนลดให้ เมื่อช้อปออนไลน์ภายในวันที่ 10 - 30 เม.ย. 2566 เท่านั้น ติดตามได้ในเว็บไซต์ www.b2s.co.th