กว่าจะเป็นนักเขียน “ปราปต์” แดน บราวน์เมืองไทย

กว่าจะเป็นนักเขียน “ปราปต์” แดน บราวน์เมืองไทย

พูดถึงนามปากกา ‘ปราปต์’ คนส่วนมากมักจะนึกถึงนวนิยายหรือละครเรื่อง ‘กาหลมหรทึก’ ภาพของความเป็นนักเขียนแนวสืบสวนสอบสวน และหลายคนก็เข้าใจว่ากาหลมหรทึกเป็นงานชิ้นแรก ทั้งที่จริงปราปต์ผลิตงานหลายแนวมากมาตั้งแต่เริ่มเขียนหนังสือใหม่ๆ และเริ่มเขียนมาก่อนหน้ากาหลมหรทึกเป็นสิบปี

ด้วยความที่เป็นคนขี้เบื่อและสนใจงานหลายประเภท เมื่อเริ่มเขียนหนังสืออย่างจริงจังในช่วงมัธยมปลาย งานที่นำเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ผ่านนามปากกาปราปต์จึงมีหลายแนว ตั้งแต่โรแมนติกคอมิดี้ สยองขวัญ แม้แต่ไพรัชนิยาย หรือกระทั่งนวนิยายแนวที่เรียกว่าลิเกฝรั่ง 

สมัยที่นวนิยายแนววัยรุ่นกำลังบูม ปราปต์มีงานตีพิมพ์ในแนวนั้นเป็นรูปเล่มประมาณ 4-5 เรื่อง ก่อนจะเงียบหายไปพร้อมกับภาวะฟองสบู่แตกของตลาดนิยายวัยรุ่น หลังจากนั้นไม่ว่าจะลองเปลี่ยนไปเขียนงานแนวอะไรก็ดูจะไม่เวิร์ก คือไม่มีสำนักพิมพ์ตอบรับอีกเลย เป็นเวลายาวถึง 7-8 ปี 

จากช่วงต้นที่บอกตัวเองว่า ‘ไม่เป็นไร เราทำเพราะใจรัก’ นานๆ เข้าก็เริ่มจะไม่ไหว เพราะการเขียนหนังสือนั้นดึงต้นทุนในชีวิตของตัวเองไปเหมือนกัน เมื่อมองเพื่อนๆ รอบตัวที่เริ่มเติบโตขึ้น แต่ตัวเองยังอยู่กับที่ ในที่สุดจึงมาถึงจุดที่บอกตัวเองว่า ‘ถ้างานชิ้นต่อไปยังไม่มีอะไรคืบหน้า ก็คงต้องโบกมือลาฝันนี้จริงๆ แล้ว’

เพื่อหาคำตัดสินให้กับตัวเอง จึงลองส่งงานเข้าประกวดเวทีนายอินทร์อะวอร์ด ปีนั้นนวนิยายแข่งกันในสาขาสืบสวนสอบสวนซึ่งคือแนวที่ปราปต์สนใจพอดี และมีพลอตเรื่องเกี่ยวกับฆาตกรรมกลโคลงอยู่แล้ว จึงทุ่มเทเวลาสามเดือนในการหาข้อมูลและเขียนต้นฉบับราวๆ 120 หน้าให้ทันส่ง แม้ติดงานประจำ โหมต้นฉบับจนป่วยก็เลิกไม่ได้ เพราะตั้งใจจะใช้เป็นโอกาสสุดท้ายของตัวเองแล้ว โชคดีที่กาหลมหรทึกชนะการประกวดครั้งนั้น นับเป็นการเปิดเส้นทางการเขียนให้ปราปต์อีกครั้ง เป็นครั้งที่สว่างไสวขึ้น และกระตุ้นให้ลองส่งงานเข้าประกวดต่อในอีกหลายเวที อาทิ พลอตเด่นเป็นละครของสถาพรบุ๊คส์ (ร่วมกับช่อง 3) และเวที short and shock story ของสำนักพิมพ์โซฟา และได้รับรางวัลชนะเลิศทั้งสองแห่ง กลายเป็นการกรุยทางให้กับงานสายใหม่ ทั้งแนวโรแมนติก และแนวภูตผีในเวลาต่อมา 

จนถึงทุกวันนี้ ปราปต์ยังคงทำการทดลองต่อไปเรื่อยๆ ขยายเส้นทางการเขียนทั้งแนวใหม่ๆ ประเด็นใหม่ๆ และวิธีการนำเสนอใหม่ๆ ด้วยความรู้สึกว่า การได้ทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม จะช่วย ‘รีเฟรช’ ตัวเองเสมอ ได้ลองผิดลองถูก ค้นคว้าข้อมูลที่กว้างและลึกขึ้น กลับไปรู้สึกเหมือนเป็นงานชิ้นแรกอีกครั้ง พยายามมองหาความต่างและแนวทางที่แปลกออกไป เพื่อจะค้นพบตัวเองมากขึ้นด้วยไปพร้อมๆ กัน 

ซื้อหนังสือผลงานของปราปต์   http://bitly.ws/9PZB