ใกล้จะได้หยุดยาวทั้งที ก็ได้เวลาแบกเป้ไปขึ้นเขาลงห้วยและสัมผัสกับธรรมชาติกันให้ชุ่มปอด ยิ่งช่วงนี้ เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กำลังมาแรง คนหันมาเที่ยวสถานที่ธรรมชาติกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะได้ฮีลใจไปกับบรรยากาศสวยๆ อากาศดีๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมหลากหลายที่จะช่วยปลุกจิตสำนึกและทำให้ผู้คนตระหนักเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติประจำท้องถิ่นนั้นๆ มากขึ้นด้วย B2S Club เลยอยากมาแนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่น่าไปทั่วไทย ที่รับรองว่าไปแล้วต้องใจฟูกันแน่นอน!
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
มาเริ่มกันที่ภาคเหนืออย่าง ‘อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน’ ที่ตั้งตระหง่านครอบคลุม 4 อำเภอ คือ อำเภอเมืองปาน อำเภอเมืองฯ อำเภอแจ้ห่ม และอำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ทั้งยังเป็นแนวแบ่งเขตสำคัญระหว่างจังหวัดลำปางและเชียงใหม่ ซึ่งที่นี่ได้รับรางวัล Thailand Tourism Awards ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดเยี่ยมถึง 3 ปีซ้อน การันตีได้เลยว่าใครที่มานั้นจะไม่ผิดหวังแน่นอน!
หลายคนอาจรู้สึกคุ้นตาที่นี่ เพราะว่าสามหนุ่มสุดฮอตอย่างพี่จอง คัลแลน และน้องแดนได้มาถ่ายทำความสวยงามของอุทยานแจ้ซ้อนในทริปลำปาง ทำให้เกิดกระแสไวรัลสุดๆ จน B2S Club อยากบอกต่อ เพราะภายในอุทยานมีจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากมาย โดยเฉพาะไฮไลต์อย่าง ‘ลานน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน’ ที่เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดจากบ่อเล็กถึง 9 บ่อ ในพื้นที่กว่า 3 ไร่ เหมาะจะให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสบรรยากาศอาบน้ำแร่แช่ออนเซ็นกันแบบจุใจในฤดูหนาวนี้ เพราะมีห้องอาบน้ำแร่บริการทั้งแบบส่วนตัวและกลางแจ้ง หรือใครอยากทำกิจกรรมเบาๆ เอาฟีล ทางอุทยานเขาก็มีบ่อแช่ไข่ออนเซ็นไว้ให้ลิ้มลองไข่ออนเซ็นรสชาติแปลกใหม่ไม่เหมือนใครกันด้วยนะ
นอกจากลานบ่อน้ำพุร้อนแล้ว น้ำตกแจ้ซ้อนภายในอุทยานก็สวยงามไม่แพ้กัน ด้วยทัศนียภาพของน้ำตก 6 ชั้นที่ไหลหลากตลอดปี และถูกล้อมรอบไปด้วยป่าไม้เขียวขจี แค่นั่งปล่อยใจฟังเสียงน้ำไหลก็รู้สึกสงบได้ หรือใครอยากลงเล่นน้ำในลำธารเย็นๆ ให้ชื่นใจก็สนุกมากเลยนะขอบอก
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
อุทยานแห่งชาตินี้ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อของ 3 จังหวัด คือ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีทั้งความสวยงามทางธรรมชาติและมีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ ด้วยเคยเป็นฐานที่มั่นและฐานปฏิบัติการหลักของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ จึงถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สีแดงที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกับฝ่ายความมั่นคง ทำให้ในปัจจุบันภายในอุทยานยังมีสถานที่ที่เป็นร่องรอยของปฏิบัติการทางทหารในอดีตหลงเหลืออยู่ เช่น พิพิธภัณฑ์การสู้รบ โรงเรียนการเมืองการทหาร สำนักอำนาจรัฐ และหมู่บ้านมวลชน ซึ่งนับเป็นแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ชั้นดีที่มีไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
ภาพของโรงเรียนการเมืองการทหาร ขอบคุณรูปภาพจาก The Momentum
ด้านสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าก็มีจุดท่องเที่ยวอยู่หลายที่ทีเดียว แต่จุดที่มีเอกลักษณ์ที่สุดก็คือ ‘ลานหินปุ่ม’ ที่มีลักษณะเป็นหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่มเป็นปม ขนาดไล่เลี่ยกัน อันเป็นผลมาจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของภูเขาหิน จึงดูเป็นตะปุ่มตะป่ำไปทั่วลานกว้างบริเวณริมหน้าผา ชวนให้ดูแปลกตาน่าหลงใหล ซึ่งที่นี่เองเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะมาพิชิตกัน เพราะนอกจากจะได้ท้าทายความสูงชันและความขรุขระในการเดินขึ้นมายังหน้าผาแล้ว ยังเป็นจุดที่ถ่ายรูปออกมาได้เก๋ไม่ซ้ำใครราวกับหลุดไปยังอีกโลกหนึ่งเลยแหละ
ขอบคุณรูปภาพจาก Thailand Tourism Directory
ถัดออกไป 500 เมตรจากลานหินปุ่มจะเจอกับ ‘ผาชูธง’ ซึ่งเป็นหน้าผาสูงชันที่สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลและจะสวยงามมากเป็นพิเศษในยามพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งชื่อของผานี้ก็สัมพันธ์กับร่องรอยทางประวัติศาสตร์การเมืองเช่นกัน เพราะบริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นไปชูธงแดงรูปค้อนเคียวทุกครั้งที่รบชนะฝ่ายรัฐบาลนั่นเอง ใครอยากมาสัมผัสธรรมชาติพร้อมกับเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าแห่งนี้นี่แหละตอบโจทย์แบบสุดๆ เลย!
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
อุทยานที่มีพื้นที่ครอบคลุม 4 อำเภอในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ อำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมืองฯ เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของกลุ่มป่าแก่งกระจานที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 ของไทย เมื่อปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา จึงเป็นพื้นที่เชิงอนุรักษ์ที่ควรค่าแก่การมาเยือนอย่างยิ่ง!
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
อุทยานแห่งนี้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับกิจกรรมชมสัตว์ป่าอย่างมาก โดยเฉพาะช้างป่าและกระทิง ใครมาส่องสัตว์ที่นี่จะต้องอยู่ในบริเวณจุดชมสัตว์ป่าที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมให้เท่านั้นนะ ซึ่งบริเวณ ‘จุดชมสัตว์ป่าโป่งสลัดได’ ก็นับว่าเป็นจุดยอดนิยมที่คนนิยมมาชมสัตว์กันในช่วงเย็น และเพื่อความปลอดภัยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากอยากเที่ยวให้สนุกก็ต้องเซฟตัวเองเข้าไว้!
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
นอกจากการชมสัตว์ป่าแล้ว ภายในอุทยานยังมีกิจกรรมเชิงอนุรักษ์อีกมากมายให้ลอง ไม่ว่าจะเป็นการทำโป่งเทียมให้เป็นอาหารสำหรับสัตว์ป่าและอาหารช้าง การทำฝายชะลอน้ำ ปลูกต้นไม้ทำแนวกั้นช้างป่า หรือใครอยากดื่มด่ำและศึกษาธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เขาก็มี ‘เส้นทางศึกษาธรรมชาติโป่งพรหม’ ให้ไปเดินสำรวจกัน ซึ่งเส้นทางนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การได้เห็นพันธุ์ไม้ป่าหายากอย่าง ‘ไม้จันทน์หอม’ ที่ถูกนำไปใช้ในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ของราชสำนักไทย และยังสามารถชมสัตว์ป่า รวมถึงนกและผีเสื้อนานาชนิดไปพร้อมๆ กันได้ด้วย รับรองว่ามาที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีแล้วจะมีกิจกรรมให้ทำแบบอัดแน่น จนไม่มีเวลาให้นั่งเบื่อแน่นอน!
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
ขอบคุณรูปภาพจากข่าวสดออนไลน์
เกาะมันใน เป็นหนึ่งในหมู่เกาะมันที่ตั้งเรียงรายกันออกไปในทะเลอ่าวไทยบริเวณชายฝั่งตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โดยเกาะมันในมีขนาดใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งมากที่สุดที่เกาะแห่งนี้มีบรรยากาศที่เงียบสงบและมีอ่าวที่สวยงามมากมาย โดยที่เกาะมันในจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวมาพักค้างคืน แต่สามารถนั่งเรือมาเพื่อเที่ยวชมได้ตลอด ไฮไลต์สำคัญของเกาะมันในก็คือ ในช่วงน้ำลดอาจเกิดปรากฏการณ์ทะเลแหวกสุดว้าวที่เหมาะจะให้ทุกคนเดินฝ่ากลางทะเลไปสุดลูกหูลูกตาเพื่อไปถ่ายรูปสวยๆ กันได้ บอกเลยว่าในชีวิตหนึ่งต้องมาลองกันสักครั้งนะ!
ขอบคุณรูปภาพจาก True ID Travel
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของเกาะมันในคือการเป็นที่ตั้งของ ‘ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล’ ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยทรงห่วงใยว่าเต่าทะเลไทยใกล้จะสูญพันธุ์ และหาแหล่งธรรมชาติในการเพาะพันธุ์ได้ยากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้จัดตั้งศูนย์กลางในการอนุรักษ์ เพาะพันธุ์ และขยายพันธุ์เต่าทะเลขึ้น โดยพระราชทานพื้นที่บริเวณเกาะมันในซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อจัดตั้งศูนย์อนุรักษ์ดังกล่าวโดยเฉพาะ ในปี พ.ศ. 2522
ขอบคุณรูปภาพจากสำนักงาน กปร.
ด้วยน้ำพระราชหฤทัยและพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลนี้ จึงทำให้เกาะมันในกลายเป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลที่ครบวงจรที่สุดในประเทศ ซึ่งมีทั้งอาคารพิพิธภัณฑ์เต่าทะเลสำหรับจัดแสดงนิทรรศการเพื่อให้ความรู้และความเข้าใจถึงลักษณะการดำรงชีวิต แหล่งที่อยู่อาศัย และชีวิตความเป็นอยู่ของเต่าทะเล ส่วนบริเวณภายนอกอาคารก็มีโรงเพาะฟักไข่เต่าทะเล บ่อเต่าที่เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และบ่อพักฟื้นเต่าทะเลหลายชนิด นอกจากนี้ในทุกๆ ปีจะมีการปล่อยเต่าคืนสู่ธรรมชาติพร้อมกับฝังไมโครชิปไว้คอยติดตามเส้นทางของเต่าเหล่านั้นด้วย ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ทั้งสวยงามและมีคุณค่าอย่างแท้จริง ใครอยากมาสัมผัสวิถีชีวิตของน้องๆ เต่าทะเลอย่างใกล้ชิดก็จัดทริปกันมาด่วนๆ เลยน้า
ขอบคุณรูปภาพจากนิตยสารอนุรักษ์
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่สวยงามจำนวนมาก โดยเฉพาะ ‘เกาะห้า’ หรือ ‘เกาะตุกนลิมา’ กลุ่มเกาะ 5 เกาะที่เป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงของเกาะลันตา ซึ่งสามารถทำกิจกรรมทั้งดำน้ำลึก ดำน้ำตื้น พายเรือแคนู และมักจะพบกระเบนราหูกับฉลามวาฬบริเวณนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าแค่มาที่เกาะห้าก็ทำกิจกรรมได้ครบจบในที่เดียว!
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา
ส่วนบริเวณ ‘แหลมโตนด’ ก็นับว่าเป็นจุดไฮไลต์ของเกาะลันตาเช่นกัน เพราะเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่มีลักษณะเป็นที่ราบรูปสามเหลี่ยมปลายด้านหนึ่งยื่นออกไปในทะเล และมีประภาคารสีขาวตั้งอยู่ ซึ่งให้บรรยากาศคลาสสิกสุดๆ จึงถือเป็นจุดเช็กอินที่ทุกคนไม่ควรพลาดเลยแหละ~
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา
นอกจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาจะโดดเด่นเรื่องความสวยงามแล้ว ยังเป็นพื้นที่เชิงอนุรักษ์ที่สำคัญที่ติดอันดับ Green Destinations Top 100 ปี 2025 ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอีกด้วย ซึ่งไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ ‘โครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน’ ที่เป็นการนำเอาเปลือกหอยชนิดต่างๆ ที่ได้รับบริจาคจากชุมชนและจากการบริโภคของร้านอาหารบนเกาะมาวางไว้ตามจุดต่างๆ บริเวณชายหาดแหลมโตนดในพื้นที่อุทยาน เพื่อให้ปูเสฉวนได้เข้าไปอยู่อาศัยแทนการอยู่อาศัยในขวดแก้วหรือขวดพลาสติก เพราะปูเสฉวนแม้จะเป็นสัตว์ขนาดเล็กแต่ก็มีความสำคัญกับระบบนิเวศอย่างมาก ซึ่งหากใครได้มาเที่ยวที่เกาะลันตาก็สามารถนำเปลือกหอยที่เหลือทิ้งจากการบริโภคมาส่งต่อให้กับทางอุทยานกันได้นะ จะได้ร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับแหล่งท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กันยังไงล่ะ!
ขอบคุณรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก อนุสาร อ.ส.ท.
เป็นยังไงกันบ้างกับ 5 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ B2S Club หยิบยกมาแนะนำให้ทุกคน เผื่อว่าวันหยุดนี้จะได้จัดทริปกันไปดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติกันให้หายเหนื่อย และหากใครเลือกไปเที่ยวที่กระบี่ หลังจากแวะเที่ยวที่อุทยานหมู่เกาะลันตากันแล้ว ก็ยังมีสถานที่ให้พักผ่อนหย่อนใจอย่าง B2S สาขาใหม่ ที่เพิ่งเปิดให้บริการอย่างยิ่งใหญ่ที่เซ็นทรัลกระบี่
บอกเลยว่าแค่ได้มาเดินเลือกช็อปสินค้าของเราที่ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ก็ได้ฮีลใจกันไปเต็มร้อย เพราะที่สาขานี้ก็มีสินค้าครบครันไม่แพ้สาขาใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ เลยนะ ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวกระบี่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ แล้วแวะเวียนกันมาเยอะๆ เลยน้า~
ฝ่ายบริการสมาชิก The 1 หรือ The1 Call Center
ที่หมายเลข 02-660-1000 ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 22.00 น. เพื่อแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการรับข้อมูลข่าวสาร
จะมีผลให้ส่วนลด พลังสะสมหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจะถูกยกเลิกในทันที และหากท่านกลับมาสมัครใหม่ในภายหลังจะถือเป็นสมาชิกใหม่
ของท่านจะถูกยกเลิกทันที หลังจากท่านกดยืนยัน