ช่วงสิ้นปีแบบนี้เวียนมาถึงอีกปีแล้ว ถึงเวลาที่หลายคนจะมานั่งคุยกับตัวเอง ทบทวนตัวเองถึงชีวิตที่ผ่านมาี บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีและรู้สึกภูมิใจในตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน หลายคนยังคงรู้สึกว่าพยายามมากเท่าไหร่ก็ยังใช้ชีวิตได้ไม่สุขจริง ๆ สักที และปีที่ผ่านมานี้ อาจจะยังไม่ใช่ปีของเรา
แต่เพราะชีวิตมันเริ่มใหม่ได้เสมอ ในบทความนี้เราเลยจะมาแนะนำหนังสือที่ช่วยเคลียร์ใจ สรุปบทเรียนก่อนเริ่มปีใหม่ให้กับทั้งคนที่ตั้งใจใช้ชีวิตทั้งปีมาอย่างดี และอยากให้ปีหน้าดียิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงคนที่กำลังสู้สุดใจให้ชีวิตดีขึ้นในแบบที่ตัวเองต้องการ เพื่อให้พร้อมเริ่มรีสตาร์ทชีวิตกันใหม่อีกทีในปีหน้า
ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะมีเล่มไหนบ้าง ไปอ่านรีวิวกันได้เลยค่า
เพราะความสุขไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่เป็นเรื่องที่ควรครุ่นคิดอย่างจริงจัง!
หากใครกำลังอยากเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความสุข แต่ก็ยังไม่เจอคำตอบว่าความสุขที่แท้จริงสำหรับเรามันคืออะไรกันแน่ เพื่อน ๆ อาจเจอคำตอบในหนังสือเล่มนี้ค่ะ เพราะผู้เขียนจะพาเราไปสำรวจถึงความหมายของความสุขผ่านเรื่องราวที่ได้ตกผลึกในช่วงเวลาแห่งความหม่นหมอง ด้วยการนำหลักคิดตามปรัชญาโบราณมาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน โดยในเล่มจะมีทั้งส่วนที่เป็นปรัชญาและหลักศาสนาคละกันไป เนื้อหาแบ่งออกเป็น 10 บท 10 หัวข้อ นอกจากนั้นยังมีประวัติและที่มาของแนวคิดนั้น ๆ มาเล่าให้ได้อ่านเป็นเกร็ดความรู้กันอีกด้วย ที่จะไม่เล่าถึงไม่ได้คือ มีแบบฝึกหัดมาให้เราได้ทดลองลงมือทำจริงควบคู่ไปกับคำแนะนำของผู้เขียน เช่น การฝึกอดทนอยู่กับความเบื่อหน่าย การฝึกหยุดพูดหรือปิดวาจา การฝึกทักษะฟื้นฟูพลังใจ เป็นต้น
เป็นเล่มแนะนำสำหรับใครที่อยากกลับมาสำรวจถึงก้นบึงของหัวใจ ทำความเข้าใจตัวเราให้มากขึ้นก่อนเริ่มปีใหม่ค่ะ
เพื่อน ๆ คุ้นกับประโยคที่ว่า “คำพูดเป็นแม่เหล็กดึงดูดพลังงาน” กันไหมคะ มันหมายความว่าถ้าเราพูดแต่สิ่งดี ๆ ชีวิตก็จะเจอแต่เรื่องที่ดีและมีความสุข ในทางกลับกัน หากเราพูดแต่เรื่องร้าย ๆ ไม่เป็นมงคล หรือกระทั่งบั่นทอนหัวใจให้แต่พลังลบออกมา ชีวิตก็จะมีแต่อะไรที่มันแย่ไม่ต่างกับคำพูดพวกนั้น หนังสือเล่มนี้ก็มีหลักใหญ่ใจความเดียวกันค่ะ โดยในเล่มจะพูดถึงความเชื่อโบราณของญี่ปุ่นซึ่งมีชื่อเรียกว่า “โคะโตะดะมะ” ที่หมายความว่า ในคำพูดนั้นมีจิตวิญญาณสถิตอยู่ นั่นแปลว่าคำพูดมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเราได้นั่นเอง
เนื้อหาในเล่มนี้เลยจะเน้นไปถึงการใช้คำพูดอย่างไรให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ แบ่งเนื้อหาออกเป็น 7 บท 75 วิธี ด้วยกัน อาทิเช่น การพูดที่ช่วยให้หัวใจแข็งแรง การพูดเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ การพูดเพื่อคลายกังวล เป็นต้น
ส่วนตัวเรามองว่าคำพูดมักจะสะท้อนทัศนคติและตัวตนของเรา หากเราพยายามปรับเปลี่ยนคำพูดให้เป็นถ้อยคำที่เต็มไปด้วยพลังบวก ทัศนคติของเราก็จะเปลี่ยนตามไปในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน เมื่อคำพูดดี ทัศนคติดี การกระทำและชีวิตของเราก็จะดีขึ้นไปด้วย ถือว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่จะช่วยให้ผู้อ่านพัฒนาตัวเองรับปีใหม่ได้อย่างเลิศ ๆ เลยค่ะ
หากจะพูดว่าปีใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งการ “ทิ้ง” บางสิ่งบางอย่าง เพื่อให้เราสามารถพาตัวเองก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรู้สึกโล่งและเบาใจขึ้นก็คงไม่ผิดนัก ถ้าเพื่อน ๆ กำลังรู้สึกว่าใกล้ปีใหม่แล้วอยากลองจัดระเบียบชีวิตที่มันวุ่นวายให้กลับกลายมามีระเบียบมากขึ้น นี่คือหนังสือที่เราอยากป้ายยาค่ะ
สาระสำคัญของเล่มนี้คือคำแนะนำในเรื่องของการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์สุดยุ่งเหยิงมาเป็น Minimal ซึ่งจะช่วยให้เพื่อน ๆ มีความสุขและมีเวลาพักผ่อนที่มากขึ้น ในเล่มจะเริ่มจากการพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักว่าหลักการ Minimalist ว่าคืออะไร มีความหมายอย่างไร ขั้นต่อไปคือการชวนให้ทบทวนสาเหตุว่าทำไมเราถึงได้มีข้าวของเยอะแยะมากมายไปหมด จุดถัดมาคือจุดสำคัญ นั่นคือเทคนิคการจัดการกับข้าวของเหล่านั้น และสุดท้ายคือผลดีของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จะตามมานั่นเอง
ในอีกแง่หนึ่ง วิธีที่หนังสือเล่มนี้แนะนำยังช่วยให้เราเป็นคนกล้าตัดสินใจบอกลาสิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิต ไม่ใช่เพียงสิ่งของแต่รวมถึงทั้งความสัมพันธ์รอบตัวและความรู้สึกต่าง ๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัวอีกด้วย
ชีวิตคนเราก็ไม่ต่างอะไรกับเกม ที่แต่ละคนล้วนมีด่านและการผจญภัยรวมถึงอุปสรรคที่ต้องผ่านไปให้ได้ของตัวเอง หนังสือเล่มนี้เลยจะเป็นเหมือนคู่มือที่จะช่วยให้เราสามารถอัปสกิลในเกมชีวิตเพื่อพาตัวเองไปยังเลเวลต่อไปได้โดยไม่พ่ายแพ้ให้กับอุปสรรคระหว่างทาง
เนื้อหาในเล่มหลัก ๆ คือการพาผู้อ่านไปผจญภัยใน 4 ด่านชีวิต ตั้งแต่การเริ่มต้นไปจนถึงอนาคต ซึ่งนักเขียนนำเสนอออกมาในรูปแบบของบทความขนาดสั้น อ่านแล้วนอกจากจะรู้สึกสนุก ยังเต็มไปด้วยข้อคิดดี ๆ ให้เราได้หยิบมาปรับใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต พร้อมกับแทรกข้อความให้กำลังใจตามสไตล์ของ คุณคิดมาก เจ้าของผลงานหนังสือฮีลใจเล่มดังอย่าง “โตขึ้นจึงรู้ว่า” ที่ทุกคนน่าจะคุ้นชื่อกันดี ตบท้ายด้วยภารกิจประจำบทที่ชวนให้นักอ่านได้ลองมีส่วนร่วมไปกับหนังสือ เช่น การวาดภาพความฝัน การเขียนจดหมายถึงตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้า รวมถึงการบอกสามสิ่งที่อยากทำมากที่สุดในชีวิต เป็นต้นค่ะ
เป็นหนังสือพัฒนาตนเองอีกเล่มที่น่าสนใจ นำเสนอออกมาในรูปแบบแปลกใหม่ไม่จำเจ ที่สำคัญคือจะช่วยให้เราได้กลับมาทบทวนตัวเองแบบจอย ๆ ผ่านการเล่นเกม จึ้งขนาดนี้ต้องมีติดชั้นหนังสือรับปีใหม่แล้วน้า
เวลาเป็นทรัพยากรสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตเราที่เมื่อใช้ไปแล้วจะไม่สามารถหาใหม่มาเพิ่มได้อีก ต่างกับเงินทองซึ่งใช้ไปแล้วก็หาใหม่ได้ ข้าวของเครื่องใช้ที่หมดหรือพังไปก็แค่กดสั่งชิ้นใหม่มาแทน ที่เราบอกแบบนี้เพื่อน ๆ อาจจะคิดว่ามันเป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยจนเบื่อ แต่เชื่อเราเถอะค่ะว่านี่คือความจริงที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ และเราควรบริหารจัดการเวลาที่เหลืออยู่ให้ดีเพื่อที่จะสามารถแบ่งเวลามาทำสิ่งสำคัญและให้ความสุขกับตัวเองได้โดยไม่ต้องรอแค่วันหยุด
เนื้อหาในเล่มนี้จะชวนเรามานั่งจับเข่าคุยกับตัวเองว่าในแต่ละวันสิ่งไหนเป็นสิ่งที่สำคัญและเราควรโฟกัสกับมันมากที่สุด รวมถึงอะไรคือสิ่งที่กำลังผลาญเวลาของเราไปโดยไม่ให้คุณค่าอะไรกับเรา แถมยังเปลืองทั้งพลังงานชีวิตและทำให้กิจวัตรประจำวันพัง โดยสรุปคือหนังสือจะช่วยเพื่อน ๆ ปรับโฟกัสชีวิตใหม่ด้วยการลดความ Productivity แต่เพิ่ม Energy และ Focus ให้กับชีวิตด้วย 4 ขั้นตอนดังนี้
1.โฟกัส - สิ่งสำคัญในแต่ละวัน
2.ตัดสิ่งรบกวน - การแจ้งเตือนมือถือ หยุดจ้องหน้าจอตลอดเวลา
3.เพิ่มพลังงาน - ดูแลสุขภาพ กินของมีประโยชน์ เพราะพลังงานคือเชื้อเพลิงของสมาธิ
4.ทบทวน - คุยกับตัวเองถึงการใช้เวลาในวันนี้ว่าคุ้มค่าแล้วหรือยังและวางแผนการใช้เวลาในวันพรุ่งนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
หนังสือเล่มนี้เหมาะมากสำหรับใครที่กำลังรู้สึกว่าทำไมเวลาในแต่ละวันมันช่างแสนน้อยเหลือเกิน หรือกำลังอยากปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองต้อนรับปีใหม่ด้วยตารางเวลาและกิจวัตรประจำวันใหม่ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ มีความสุขมากขึ้น ได้ทำในสิ่งที่อยากทำมากขึ้น เป็นผู้ออกแบบเวลาให้กับชีวิตตัวเองไม่ใช่ใช้ชีวิตที่โลกบีบบังคับให้ใช้
ในปัจจุบัน เราล้วนแต่ได้ยินเสียงรบกวนจากโลกรอบข้างมากมายที่คอยจะพาเราให้ไขว้เขวจากเป้าหมายและความต้องการของตัวเอง
บางครั้งเสียงนั้นก็ทำให้ความคิดเราเถลไถลไปไกล
บางครั้งเสียงนั้นก็ทำให้เราเผลอลืมฟังเสียงเตือนจากใจของเรา
บางครั้งเสียงนั้นก็ทำให้ลืมว่าตัวตนที่แท้จริงของเราคือใครกันแน่
การที่เพื่อน ๆ ได้อ่านบทความนี้อาจจะไม่ใช่ความบังเอิญ แต่มันอาจจะเป็นสัญญาณก่อนเริ่มปีใหม่ ให้เพื่อน ๆ กลับมาโฟกัสและทุ่มเทพลังทั้งกายและใจให้กับตัวเอง อย่าลืมนะคะว่าโลกใบนี้มีเราเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น จงให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
ขอให้อ่านหนังสืออย่างมีความสุขในทุกการพลิกหน้ากระดาษนะคะ
ฝ่ายบริการสมาชิก The 1 หรือ The1 Call Center
ที่หมายเลข 02-660-1000 ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 22.00 น. เพื่อแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการรับข้อมูลข่าวสาร
จะมีผลให้ส่วนลด พลังสะสมหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจะถูกยกเลิกในทันที และหากท่านกลับมาสมัครใหม่ในภายหลังจะถือเป็นสมาชิกใหม่
ของท่านจะถูกยกเลิกทันที หลังจากท่านกดยืนยัน