“ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่เคยง่าย แต่จิตใจที่เข้มแข็งจะพาเราผ่านพ้นทุกปัญหา ทุกอุปสรรค และทุกความยากลำบากไปได้ในท้ายที่สุด” บทความนี้ขอทักทายเพื่อน ๆ นักอ่านกันด้วยประโยคปลุกพลังและขอเป็นอีกหนึ่งสถานีพักใจ ที่ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะแวะเข้ามาเมื่อไหร่ B2S club ก็จะมีบทความดี ๆ ที่จะช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจและป้ายยาหนังสือน่าอ่านให้ทุกคนอยู่ตรงนี้เสมอ หันมาเมื่อไหร่ก็จะมีเราอยู่ตรงนี้^^
จะว่าไป รู้สึกเหมือนแค่กะพริบตาครั้งเดียวก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว เวลาช่างหมุนไปไวจนน่าตกใจเลยใช่มั้ยคะ ผ่านครึ่งปีแรกไป เราเชื่อว่าทุกคนกำลังตั้งใจใช้ชีวิตของตัวเองกันอย่างดีและเต็มที่อยู่แล้ว อาจจะมีท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง ก็อย่าลืมหาเวลาพักผ่อนทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อฮีลใจให้ตัวเองแล้วลุกขึ้นสู้ต่อไปในครึ่งปีหลังกันน้า
บทความนี้ เราเลยเลือกหนังสือที่จะช่วยจัดระเบียบหัวใจให้เพื่อน ๆ นักอ่านมาเสิร์ฟถึง 6 เล่มด้วยกัน ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะมีเล่มไหนบ้างนั้นนนน ไปอ่านรีวิวกันได้เลยค่า
เพื่อน ๆ รู้มั้ยคะ ว่าการสงสารตัวเองเป็นนิสัยอย่างนึงของคนที่จิตใจอ่อนแอแอ OMG! เราเองก็เพิ่งรู้เพราะได้อ่านเล่มนี้เลยค่ะ เนื้อหาในเล่มเขียนโดยนักจิตบำบัดซึ่งจะพาเราไปเรียนรู้ถึงนิสัย 13 ข้อที่คนจิตใจเข้มแข็งเค้าไม่ทำกัน ที่น่าสนใจคือชื่อเรื่องมันชวนให้อยากรู้ว่าพฤติกรรมทั้ง 13 ข้อเนี่ย เรากำลังทำข้อใดข้อหนึ่งอยู่รึปล่าว โดยนักเขียนจะอธิบายตั้งแต่ต้นเหตุของปัญหาด้วยการใช้หลักจิตวิทยาและแนะนำวิธีการแก้ไขให้ถูกจุดเพื่อให้เราสามารถนำไปปรับใช้ในการเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเองอย่างถูกต้องเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจและมีความสุขกับการใช้ชีวิตนั่นเอง ถ้าเพื่อน ๆ กำลังสงสัยว่าเรากำลังมีพฤติกรรมข้อใดข้อหนึ่งจากทั้ง 13 ข้ออยู่หรือไม่ ต้องไปหาเล่มนี้มาอ่านแล้วล่ะค่ะ
หนังสือที่ได้รับการพูดถึงบ่อยที่สุดในช่วงนี้และการันตีได้เลยว่า ถ้าเดินเข้าร้านหนังสือไป เพื่อน ๆ จะเห็น ปกเขียวสะดุดตาของน้องวางอยู่บนชั้นหนังสือขายดีแน่นอนค่ะ หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของคุณ Mels Robbins ผู้ค้นพบทฤษฎีและนำมาใช้จนได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เรียกได้ว่าฮิตติดกระแสจนผู้คนเอาคำว่า “Let them” ไปสักลงบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกายพร้อมกับถ่ายรูปติดแฮชแท็กลงในโซเชียลมีเดียกันเลย
ทีเดียว ในเล่มคุณนักเขียนจะเล่าที่มาที่ไปว่าเค้าค้นพบทฤษฎีนี้ได้อย่างไร มีวิธีใช้มันแบบไหน รวมถึงผลลัพธ์ที่สุดแสนจะน่าทึ่งของมันนั่นเองค่ะ เนื้อหาโดยรวมมีความอ่านง่ายและนำไปใช้ได้จริง ส่วนตัวเรามองว่าหลักใหญ่ใจความของทฤษฎีนี้คือการปล่อยให้คนอื่นใช้ชีวิตของเค้าไปและให้เราได้กลับมาโฟกัสกับชีวิตตัวเองมากขึ้น เป็นเล่มที่อยากแนะนำ และคิดว่าเหมาะมากโดยเฉพาะกับคนที่มักจะคิดมากและแคร์คนอื่นมากกว่าตัวเอง อ่านเล่มนี้รับรองได้เลยว่าวางหนังสือปุ๊บใจปลงปั๊บ 1,000% ค่ะ
หนังสือภาพที่สุดจะน่ารักแต่เนื้อหาทัชใจจนอยากแนะนำให้ผู้ใหญ่ได้ลองอ่าน ภาษาอ่านง่ายตรงไปตรงมาเพราะเขียนมาให้เด็ก ๆ เข้าใจได้ สำหรับวัยเราอ่านก็ไม่ต้องตีความให้ปวดหัว แต่กลับทำให้เราน้ำตาซึมไประหว่างที่อ่าน เพราะในขณะที่หนังสือจะพาเด็ก ๆ ไปทำความเข้าใจว่าหัวใจที่เข้มแข็งคืออะไร รู้จักโอบรับความรู้สึกด้านลบ ควบคุมอารมณ์ตนเอง และลุกขึ้นมายืนใหม่ได้เมื่อต้องเผชิญกับความผิดหวัง ก็เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจให้ผู้ใหญ่แบบเราไม่ลืมที่จะฝึกใจให้เข้มแข็ง เพื่อสามารถฟื้นฟูพลังกายพลังใจไปรับมือกับโลกแบบผู้ใหญ่ในทุก ๆ วันนั่นเอง เราเลยอยากป้ายยาและขอยกให้เล่มนี้เป็นหนังสือเด็กที่ดีมากเล่มนึงที่เราได้เคยลองอ่านมาเลยค่ะ
ตั้งแต่โตขึ้นมาเพื่อน ๆ เคยคิดไหมคะว่าโลกใบนี้ไม่ตรงปก! จากที่ตอนเด็ก ๆ เราเคยคิดไว้ว่าอยากโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีอิสระ จะทำอะไรก็ได้ตามใจ มันคงทำให้เรามีความสุขมาก ๆ แต่ในขณะเดียวกันพอเราโตขึ้นจริง ๆ นอกจากความอิสระที่เราได้รับมา มันยังพ่วงไปด้วยความรับผิดชอบมากมายที่เราต้องแบกไว้บนบ่าและปัญหาสารพันที่เราต้องรับมือ หนังสือเล่มนี้เลยจะพามนุษย์แบบเราไปดูงานการใช้ชีวิตแบบเจ้าคาปิบารา สัตว์โลกตัวอ้วนกลมที่ใช้ชีวิตแบบมีความสุขและสุดแสนจะชิลจนน่าอิจฉา เป็นหนังสือ how-to อีกเล่มที่ภาพประกอบน่ารัก อ่านง่าย นำไปปรับใช้กับชีวิตได้จริง เหมาะมากสำหรับคนเริ่มอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเองค่ะ
หนังสือที่จะพาเราไปทำความเข้าใจคำว่าจิตวิทยาใหม่ เพราะว่าที่จริงแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจยากหรือมีไว้แค่สำหรับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นแต่เป็นสิ่งที่คนทั่วไปแบบเราก็สามารถเรียนรู้เพื่อเอามาใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นประโยชน์ ช่วยให้เราสามารถเข้าใจจิตใจตัวเองและผู้อื่นได้ดีมากขึ้น รวมถึงการใช้จิตวิทยารับมือกับสถานการณ์ยาก ๆ ในชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ส่วนตัวเรามองว่าเล่มนี้มีความอ่านยากในระดับนึง มือใหม่หรือใครที่เพิ่งเริ่มอ่านแนวพัฒนาตัวเองอาจจะต้องทำความเข้าใจและตั้งสติในการอ่านมากกว่า 4 เล่มแรกที่แนะนำไป แต่ถึงยังไงหลักใหญ่ใจความในหนังสือก็มีประโยชน์และน่าสนใจมาก ๆ จนอยากหยิบเล่มนี้มาป้ายยาเลย
ถ้าเพื่อน ๆ เคยต้องนอนไม่หลับเพราะความวิตกกังวลในเรื่องที่คนทั่วไปมองว่า “มันไม่เห็นจะมีอะไรเลย” หรือเคยเข้านอนไปพร้อมกับความเสียใจจากคำพูดและการกระทำแย่ ๆ ที่คนอื่นทำใส่โดยที่เค้าก็ไม่ได้สนใจว่าเราจะรู้สึกไม่ดียังไง เพื่อน ๆ อาจจะไม่ใช่คนอ่อนแอแต่แค่เป็นคน “อ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ” หรือ “Highly Sensitive Person” แค่นั้นเองค่ะ หนังสือเล่มนี้เลยจะพาเราไปทำความเข้าใจการเป็นคนอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษนี้ ว่ามันคืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง รวมวิธีการรับมือและทำความเข้าใจอาการนี้ ซึ่งหนังสือจะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ส่วน เนื้อหาค่อนข้างละเอียด แต่มีความอ่านง่าย ช่วยให้เราได้กลับมาทบทวนและทำความเข้าใจตัวเอง เป็นอีกเล่มที่มักจะเห็นคนหยิบมารีวิวและถูกพูดถึงบ่อย ๆ เราเลยขอหยิบมาป้ายยาอีกทีเผื่อใครยังไม่ได้อ่าน พลาดไม่ได้นะคะของเค้าดีจริง ๆ
ครบแล้วสำหรับหนังสือจัดระเบียบใจทั้ง 6 ที่เราเลือกมาป้ายยาในบทความนี้ ก่อนจบบทความเราขอทิ้งท้ายส่งกำลังใจให้กับใครก็ตามที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ว่า เมื่อเวลาผ่านไปแล้วพบว่าสุดท้ายสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตมันไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังหรือตั้งใจขนาดไหน แต่อย่าลืมว่าในแต่ละวัน แต่ละเดือน หรือแต่ละปีนั้นเราเองก็กำลังตั้งใจใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว บางอย่างที่เราวางแผนเอาไว้มันต้องใช้เวลามากกว่าที่เราคาดหวัง แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น ใจดีกับตัวเอง โอบกอดตัวเองให้มากขึ้น และอย่าลืมว่า little by little, day by day, what is meant for you will find it’s way. นะคะ : )
ฝ่ายบริการสมาชิก The 1 หรือ The1 Call Center
ที่หมายเลข 02-660-1000 ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 22.00 น. เพื่อแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการรับข้อมูลข่าวสาร
จะมีผลให้ส่วนลด พลังสะสมหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจะถูกยกเลิกในทันที และหากท่านกลับมาสมัครใหม่ในภายหลังจะถือเป็นสมาชิกใหม่
ของท่านจะถูกยกเลิกทันที หลังจากท่านกดยืนยัน