ที่ยากกว่าการคาดเดาว่าฝนจะตกตอนไหน ก็ตอนต้องมาเดาอารมณ์ เดาใจคนนี่แหละ ว่าไหมคะ เพราะหน้าฝนที่เอาแน่เอานอนกับสภาพอากาศไม่ได้แบบนี้ มักพัดพาเอาความคิดฟุ้งซ่าน ความหม่นเศร้า และความเหงาอย่างน่าประหลาดมาถึงเราเสมอ
ระหว่างที่ฟ้ามามืดครึ้ม ระหว่างที่ฝนลงเม็ดหนาหนัก หรือระหว่างที่ฝนปรอยตัวอย่างเบาบาง เริ่มซา และปล่อยพื้นที่ให้แสงอาทิตย์กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง เพื่อน ๆ ชาว B2S Club บางคนอาจเลือกซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม บางคนฟังเสียงฝนจนหลับไป แต่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังอ่านข้อความอยู่นี้ ก็คงจะเลือกหยิบหนังสือมาอ่านเป็นแน่ เพราะอย่างน้อยในวันที่ใจไร้จุดเกาะกุม หนังสือสักเล่มก็พอจะช่วยให้เรามีที่ยึดเหนี่ยวให้ใจอบอุ่นอยู่บ้าง วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ 7 หนังสือเหงา ๆ ที่เหมาะจะอ่านเคล้าเสียงฝน แต่ก็ไม่แน่หรอก นอกจากความเหงา ความเศร้าหม่นที่จะได้เจอ มันอาจพาทุกคนล่องลอยไปในโลกของความรัก ความลึกลับ ความน่ากลัว หรืออาจเป็นการเยียวยาหัวใจก็เป็นได้
ใครที่เป็นแฟนมุรากามิ ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าโทนของเรื่องมันสุดจะเหงาเหมาะกับฤดูฝนเสียยิ่งกว่าอะไรขนาดไหน “การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก” เป็นอีกชิ้นงานที่พาเราไปดำดิ่งความหว่าเว้หม่นครึ้มของอดีตที่ไม่ว่าใครต่างก็โหยหา
เล่มนี้เล่าเรื่องราวของ ฮาจิเมะ ชายหนุ่มที่ชีวิตดูจะเพอร์เฟกต์ไปแล้วทุกอย่าง ติ๊กถูกเกือบทุกข้อ ข้างกายมีทั้งภรรยา ลูกสาว และตัวเองยังเป็นเจ้าของบาร์แจ๊สด้วย แต่เขากลับรู้สึกว่าชีวิตมันขาดอะไรไปบางอย่าง โหวง ๆ อยู่ข้างใน จนกระทั่งได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งจากอดีต รักแรกในวัยเยาว์ที่หายไปจากชีวิต เธอย้อนกลับมาพร้อมกับความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนไปได้
การมาของเธอในคืนฝนตก ทำให้ฮาจิเมะเริ่มตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ที่มีอยู่และสิ่งที่ต้องการในชีวิต เป็นเล่มที่เต็มไปด้วยมวลอารมณ์จนหน้าสุดท้ายจริง ๆ ค่ะ
จากอารมณ์หม่นมัว เราจะพาทุกคนมาสืบเสาะให้เจอความจริงฟีลน่าตื่นเต้นกันบ้าง กับเหตุปริศนาที่บ้านเอนด์เฮาส์ ผลงานของนักเขียนชื่อดังสุดคลาสสิก อากาธา คริสตี้ ที่ถ้าใครมองหาหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนสักเล่ม งานของเธอคือ The MUST ในลิสต์เลย
เล่มนี้เป็นเรื่องราวของการสืบสวนที่เกิดขึ้นในช่วงพักร้อนของแอร์กูล ปัวโรต์ นักสืบชื่อดัง ที่ได้เดินทางไปพักผ่อนที่ชายหาดในมณฑลคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ ระหว่างที่กำลังพักผ่อนชิลล์ ๆ กลับได้รับรู้เรื่องราวสุดประหลาดจาก นิค บัคลีย์ หญิงสาวผู้มีประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้ง ตั้งแต่เบรกรถยนต์ไม่ทำงาน ไปจนถึงหินก้อนใหญ่ที่เกือบจะตกลงมาทับเธอ ปัวโรต์พยายามเชื่อมจุดนู้นทีละนิด จุดนี้ทีละหน่อย กระทั่งพบรูกระสุนบนหมวก เขาจึงมั่นใจได้เลยว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าสังหารของใครสักคนแน่
บอกเลยว่าเป็นอีกเล่มที่วางไม่ลง เพราะมันซับซ้อน ชวนลุ้นแบบที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าจะจบลงแบบไหน หักมุมจนต้องว้าวเลยค่ะ นี่แหละคือเสน่ห์ของนิยายสืบสวนคลาสสิกของอากาธาจริง ๆ
เล่มนี้เหงายิ่งกว่าเหงาแบบไม่ต้องลุ้นไม่ต้องเดา แต่ก็อบอุ่นหัวใจในท้ายที่สุด “52 เฮิรตซ์...คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน” เป็นเรื่องราวของ มิชิมะ คิโกะ หญิงสาวที่มีแผลใจจากการถูกผลักไสจากครอบครัว และ มูชิ เด็กชายที่ถูกแม่แท้ ๆ ทำร้าย ช่างเป็นการพบเจอกันที่สมบูรณ์แบบ เมื่อชีวิตพัดพาคนที่เว้าแหว่ง ต่างคนต่างมีประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่สามารถเชื่อมโยงกับใครได้ มาพบกัน ณ จุดเวลาหนึ่ง และเรื่องราวใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นนับจากนั้น
เป็นอีกเล่มที่ทำให้เราเข้าใจความเหงากับความโดดเดี่ยวได้อย่างลึกซึ้ง ชอบที่เขาเข้าใจเอาคอนเซปต์ของวาฬ 52 เฮิรตซ์ มาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความเหงาและการที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกับใครได้เลย จริง ๆ มันคือภาพสะท้อนความรู้สึกของคนที่รู้สึกแตกต่างจากคนอื่น และไม่สามารถหาคนที่มีความถี่ความรู้สึกเดียวกันได้ เหมือนกับเราทุกคนนั่นแหละ ที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกนี้อยู่หลายครั้ง และต้องการการถูกเข้าใจ ท่ามกลางโลกที่บางครั้งใคร ๆ ก็หันหลังให้เรา
อ่านแล้วฮีลใจรับหน้าฝนมาก “แล้วค่ำคืนอันยาวนานจะผ่านไป” เป็นเรื่องเล่าของ แรดหินขาว ตัวสุดท้ายบนโลก และ เพนกวินน้อย ที่เกิดจากไข่ที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งคู่จำต้องละทิ้งชีวิตอันสงบสุข และออกเดินทางไปตามหามหาสมุทรด้วยกัน ค่ำคืนอันยาวนาน มืดมิด พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากและอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างทาง แต่สิ่งที่ทำให้การเดินทางนี้มันสว่างไสว ก็คือความรักและมิตรภาพระหว่างกัน
ใครจะไปคิดว่าหนังสือที่ดูเหมือนจะธรรมดา ๆ เล่มนี้ กลับเยียวยาใจได้อย่างน่าประหลาด เราอินกับคำโปรยที่เขาบอกว่า มิตรภาพระหว่างกัน เปรียบเสมือน "ดวงดาวส่องแสงในแอ่งน้ำอันสกปรกโสมม" มันสะท้อนถึงความไม่หมดหวัง แม้จะต้องเผชิญความมืดมิดในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต แต่แสงสว่างจะหาเราเจอจนได้ การมาเยือนของฟ้าหลังฝนจะมาถึง แอบรู้สึกว่าเล่มนี้มีความเซนเบา ๆ ด้วยแหละ เป็นหนังสือที่สอนให้เราเข้าใจชีวิตแบบเย็น ๆ ผสมปนเปกันไปทั้งด้านที่เป็นความสวยงาม และเป็นสัจจธรรมของชีวิต บอกเลยว่าอย่าประมาทความน่ารักของหน้าปกเชียว เนื้อหามันลึกไปกว่านั้นมาก
สลับมู้ดมาก จากหนังสือฮีลใจมาสู่หนังสือที่ทำให้ใจสั่น (เพราะน่ากลัวมาก) “ฆาตกรมนุษย์กบกับศพปริศนา” นิยายที่ว่าด้วยการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่รูปคดีแปลกประหลาดชวนขนหัวลุก เจ้าหน้าที่สืบสวนต้องเผชิญกับคดีสยองขวัญที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมที่อำมหิตเกินมนุษย์มนา จนทำให้คดีนี้ถูกเรียกว่า “ฆาตกรมนุษย์กบ”
เหยื่อแต่ละคนเสียชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการถูกแขวน การถูกบด หรือการถูกหั่น ที่น่าสนใจกว่านั้นคือล้วนมีข้อความแปลก ๆ ถูกทิ้งไว้ข้างศพ ขีดเขียนด้วยลายมือเหมือนเด็ก ซึ่งก็ยิ่งทำให้คดีนี้มีความน่าสะพรึงกลัวขึ้นอีก บอกเลยว่าทั้งตึง และหักมุมแบบที่คาดไม่ถึง ให้บรรยากาศแบบหายใจไม่ทั่วท้องและต้องลุ้นกันจนบทสุดท้ายเลย
ใครชอบความสยองแบบสุดโต่งขอแนะนำเลยค่ะ อ่านให้ฉ่ำรับหน้าฝนชนิดที่ฝนหยุดตกแล้วก็ยังไม่เงยหน้าจากหนังสือเพราะมันลุ้นเกิน 5555 และเล่มนี้มีภาคต่อแล้วด้วยนะคะ ท้ายที่สุดจะจับฆาตกรมนุษย์กบได้มั้ย ลงเอยแบบไหน มาลุ้นไปพร้อม ๆ กันในเล่มเถอะ
เล่มนี้บอกได้เลยว่าปวดตับรับหน้าฝนของแท้ ใครเคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนคงจะพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียงกัน “Bridge to Terabithia” หรือในชื่อแปลไทยว่าสะพานสู่เทราบิเทีย เป็นเรื่องราวของ เจสซี อารอนส์ เด็กชายที่มีความฝันจะเป็นเด็กที่วิ่งเร็วที่สุดในเกรดห้า แต่เมื่อ เลสลี เบิร์ก เด็กสาวที่ย้ายเข้ามาใหม่ทำลายฝันนั้นลง ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง จากเฉยชาก็ค่อย ๆ ก่อตัว กลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นมากขึ้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง ทั้งสองได้ค้นพบสถานที่ลับในป่าหลังบ้านที่พวกเขาตั้งชื่อว่า “เทราบิเทีย” ดินแดนในจินตนาการที่เติมเต็มความฝันว่าทุกสิ่งเป็นไปได้ แต่ไม่นานนัก ความสุขก็ถูกพรากไปด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของเจสซีไปตลอดกาล
เรื่องนี้ทั้งเศร้าทั้งอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เพราะมันเต็มไปด้วยความเป็นมิตรภาพ และการรับมือกับความสูญเสียที่ต้องเผชิญ ถ้าเคยดูหนังมาแล้ว ก็บอกเลยว่าเวอร์ชันหนังสือกินใจได้ลึกซึ้งไม่ต่างกันค่ะ เชียร์ให้อ่าน และสำหรับใครที่ไม่เคยดูหนังก็เชียร์ให้ดูเช่นกัน
มาถึงเล่มสุดท้ายในลิสต์แล้ว ขอพามาปิดท้ายกันที่ “จูนเสียงหัวใจใส่ทำนองชีวิต” อีกเล่มที่แม้จะเริ่มต้นอย่างทุลักทุเลแต่เผยให้เราเห็นความสวยงามของความหวังในชีวิต
เป็นเรื่องราวของหลินซัง นักธุรกิจวัยหกสิบที่ยังคงโศกเศร้ากับการจากไปของภรรยาผู้ล่วงลับ เขาต้องเผชิญกับการจัดแจงเรื่องสตูดิโอสอนดนตรีและเปียโนของภรรยา ซึ่งตัวเขาเองก็ได้แต่มึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก วันหนึ่งเขาได้พบกับช่างจูนเปียโน ผู้เคยเป็นนักเปียโนที่มีพรสวรรค์ แต่จำต้องละทิ้งความฝัน ผันตัวมาเป็นช่างจูนเปียโนที่ชีวิตจืดชืดแทน
ทั้งสองร่วมเดินทางไปนิวยอร์กเพื่อเฟ้นหาเปียโนมาขายในร้านเปียโนมือสองที่หลินซังคิดจะเปิด และไม่มีใครรู้เลยว่า การเดินทางครั้งนี้ จะขุดคุ้ยให้ได้เจอความงามของดนตรี ความรัก และความลับที่เป็นรากเหตุให้หัวใจสลาย
หนังสือ 7 เล่มรับหน้าฝนหนนี้ พาทุกคนฝ่าเข้าพายุหลากอารมณ์มากค่ะ ทั้งเศร้า ทั้งเหงา ทั้งชวนลุ้น ทั้งตื่นเต้น ทั้งน่ากลัว และทั้งเปี่ยมไปด้วยความหวัง ท่ามกลางบรรยากาศของฝนที่ตกพรำ ๆ หม่นมัว และเราไม่อาจเอาแน่เอานอนกับมันได้ การได้อ่านหนังสือดี ๆ สักเล่ม เป็นสิ่งที่ช่วยปลอบประโลมใจชาวเราได้อย่างมากแบบที่คาดไม่ถึงเลยค่ะ แม้อาจจะชวนให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวตามฤดูไปบ้าง แต่หนังสือก็ยังส่งแรงขับเคลื่อนให้ชีวิตเราก้าวฝ่าพายุออกมาได้เสมอ
ลองหยิบหนังสือในลิสต์นี้สักเล่ม มาอ่านคลายเหงารับหน้าฝนกันนะคะ