สวัสดีค่า กลับมาเจอกันในบทความนี้ เรามีนิทานดี ๆ มาอัปเดตให้กับน้องหนูกันอีกแล้ว รอบนี้มีมาถึง 7 เล่ม 7 เรื่องราวด้วยกัน ถ้าหยิบมาอ่านวันละหนึ่งเล่ม ก็จะได้อ่านนิทานสนุก ๆ ทุกวันครบทั้งสัปดาห์กันไปเล้ยยย
นอกจากความสนุกแล้ว นิทานที่เลือกมาป้ายยาในวันนี้ ยังเต็มไปด้วยข้อคิด คุณธรรมประจำเล่มที่จะช่วยเสริมสร้างนิสัยที่น่ารักให้กับน้องหนูก่อนเปิดเทอม เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนได้อย่างสนุก และมีความสุขอีกด้วยค่า ถ้าพร้อมรับการป้ายยาแล้ว ไปอ่านรีวิวกันเล้ย
เรื่องราวของเจ้าถุงมือนิ้วโป้งฝาแฝดซึ่งเป็นตัวปัญหาใหญ่ที่สุดของโรงเรียนประถมโกลฟ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าประตูโรงเรียนในตอนเช้าจนกระทั่งกลับบ้าน พวกเขาไม่เคยหยุดแกล้งเพื่อนเลย จนทำให้เพื่อน ๆ เริ่มรู้สึกหน่ายใจและไม่อยากเล่นกับถุงมือคู่นี้อีกต่อไป จนทำให้เจ้าแฝดเริ่มรู้สึกตัวว่าต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่ เพราะการอยากให้คนอื่นประทับใจในตัวเราต้องเริ่มจากการทำดีกับคนอื่นนั่นเองค่ะ
นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไร : เรียนรู้การเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การฝึกเป็นฝ่ายหยิบยื่นมิตรภาพที่ดีให้ผู้อื่น
เจ้าถุงมือยางตัวน้อย ที่ตอนนี้กำลังอึดอัดใจกับคำโกหกของตัวเอง ยิ่งนานวันเข้า เจ้าถุงมือยางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจ แล้วเค้าจะทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากความรู้สึกแย่จากการโกหกนี้ได้ เพราะเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดโกหก แต่เพราะไม่อยากแพ้ อยากให้คนอื่นชื่นชม หรือเพราะปิดบังความผิดบางอย่าง เจ้าถุงมือยางตัวน้อยจึงเผลอพูดโกหกออกไป และคำโกหกเหล่านั้นก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย
นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไร : ผลเสียของการโกหก สอนให้เด็กเรียนรู้ว่าการโกหกเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าการที่เราโกหกนั้นเราเป็นคนไม่ดี แต่กลับเกิดจากเหตุผล อารมณ์ และความรู้สึกบางอย่างนั่นเองค่ะ
นิทานที่จะสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการจัดการ วางแผน เงินค่าขนมก้อนแรกของตัวเอง จะใช้ซื้อของที่อยากได้ หรือเป็นเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ผ่านลายเส้นที่น่ารัก กระตุ้นจินตนาการ เรียกได้ว่า หนังสือเล่มนี้ จะเป็นคุณครูการเงินคนแรกของหนูๆ ได้อย่างดีเลย ซึ่งเรื่องเงินหรือการจัดการรายได้ ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อให้ในอนาคต หนูๆ สามารถจัดการบริหารชีวิตที่ต้องรับผิดชอบของตัวเองได้
นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไร : ฝึกให้เด็ก ๆ รู้จักคิด พิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนใช้เงิน รู้จักการวางแผนการใช้เงินเพื่อต่อยอดนิสัยการบริหารจัดการที่ดีเมื่อโตขึ้น
เจ้าถุงมือพลาสติกผู้บอบบาง มีนิสัยขี้กลัว ขี้ขลาด ไม่มั่นใจในตัวเอง เช่นเดียวกับรูปลักษณ์อันโปร่งใสของตัวเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความกลัว เจ้าถุงมือพลาสติก จึงต้องรวบรวมความกล้า เอาชนะความกลัวเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ ครั้งนี้เจ้าถุงมือพลาสติกจะเอาชนะความกลัวของตัวเองได้หรือไม่ ต้องไปลุ้นกันในเล่มค่ะ
นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไร : สร้างเสริมทักษะชีวิต ให้เด็กๆ รู้จักทำกิจกรรมกับผู้อื่น รวมถึงทักษะการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์
นังสือเล่มนี้จะพาไปสัมผัสกับเรื่องราวชีวิตของจูดี้ ผู้ที่มีสองด้านในตัวเอง เวลาจูดี้ทำตัวไม่น่ารัก ดื้อดึงไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ ใครๆ ก็เรียกเธอว่าจูดี้ตัวร้าย แต่เวลาที่เธอว่าง่าย เป็นเด็กดีมีมารยาท เธอจะเป็นเจ้าหญิงน้อยจูดี้ที่น่ารักน่าเอ็นดู มาเรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างการเป็นจูดี้ตัวร้ายและเจ้าหญิงจูดี้ พร้อมลุ้นไปด้วยกันว่าสุดท้ายจูดี้จะเลือกเป็นคนไหนด้วยกันในเล่มนี้ค่ะ
นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไร : เปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างหว่างพฤติกรรมของเด็กทั้งสองแบบ ชี้ให้เด็ก ๆ เห็นถึงผลของการกระทำที่ตามมาและเรียนรู้ว่าควรปฏิบัติตนอย่างไรหากอยากให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
นิทานสองภาษา ที่จะพาเด็ก ๆ ไปรู้จักกับเด็กธรรมดาผู้ไม่มีพลังวิเศษ แต่มีพลังที่ทำให้พวกเค้าเป็นเด็กดี นั่นก็คือการแบ่งปันและมีน้ำใจกับคนรอบข้าง ผ่านตัวละครในเรื่อง ซึ่งจะแนะวิธี "คิด" และ "ทำ" แบบซูเปอร์คิด เพื่อให้เค้าสามารถอยู่ร่วมกับเพื่อนได้อย่างดีและมีความสุข
นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไร : สำหรับเล่มนี้ ตรงตามชื่อเลยนั่นก็คือการสอนให้เด็ก ๆ รู้จักแบ่งปัน ช่วยเหลือ และมีน้ำใจกับเพื่อนซึ่งเป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังให้เค้ารู้จักตั้งแต่เล็ก ๆ นั่นเองค่ะ
รูบี้เป็นมังกรที่เคร่งครัดมาก เขาทำตามกฎของมังกรครบทุกข้อ เขาทั้งดุร้าย ขโมยของจากทุกคนและไม่ยอมแบ่งอะไรให้ใครเลย ทำให้บางครั้งรูบี้รู้สึกเหงาเพราะกฎของมังกรอยู่บ้าง แต่เมื่อหนังสือกฎของมังกรหายไป และเหล่าสัตว์ต่าง ๆ จะช่วยเขียนมันขึ้นมาใหม่เพื่อให้รูบี้เปลี่ยนแปลงตัวเอง กลายเป็นมังกรที่ดีและมีความสุขขึ้นได้หรือไม่ คำตอบอยู่ในเล่มนี้ค่ะ
นิทานเรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไร : เรื่องราวของรูบี้จะชี้ให้เด็ก ๆ เห็นถึงการรู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น เพื่อทั้งตัวเองและคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าการครอบครองทรัพย์สมบัติมหาศาลแต่ต้องเป็นคนเหงาที่ไม่มีใครเข้าใกล้และไม่มีความสุขในหัวใจเอาซะเลย
น่าจะจุใจกันไปพอสมควรแล้วใช่มั้ยคะทุกคน ก่อนจบบทความไป ขอชวนคุยถึงเรื่องการปลูกฝังให้น้องหนูรักในการอ่านนิทานกันสักหน่อย ว่าเป็นสิ่งที่ผู้ปกครอง พ่อแม่ หรือใครก็ตามที่เลี้ยงดูเด็กเล็กควรทำอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการเพาะเมล็ด ไม่ว่าจะเป็นทั้งนิสัยรักการอ่าน รวมถึงคุณธรรม จริยธรรมที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้จากนิทาน ให้เบ่งบานในใจของเด็กต่อไป และเราเชื่ออย่างมากเลยค่ะว่าเด็กทุกคนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ผู้ใหญ่แบบเราสามารถดูแลด้วยการหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้ด้วยปุ๋ยที่เรียกว่าความรัก ความเอาใจใส่ และความเข้าอกเข้าใจ ซึ่งจะทำให้น้องหนูโตมาเป็นคนดี มีคุณธรรม และสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างเข้มแข็งและมีความสุขนั่นเอง แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า หวังว่าทุกคนจะอ่านหนังสืออย่างมีความสุขนะคะ