สวัสดีเพื่อน ๆ นักอ่านชาวคลับทุกคนค่า เจอกันในบทความนี้ เรามีหนังสือดี ๆ มาป้ายยากันอีกแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนอื่นเราจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับคุณนักเขียน เจ้าของผลงานหนังสือขายดีที่อ่านแล้วชวนให้ใจเข้มแข็ง เชื่อว่าถ้าบอกชื่อหนังสือไปคงไม่มีใครที่จะไม่ร้องอ๋อ ทั้งมหัศจรรย์ห้องสมุดเที่ยงคืน, The Comfort Book หนังสือกอดใจ รวมไปถึง NOTES ON A NERVOUS PLANET แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล ที่ขาดไม่ได้คือหนังสือที่เราจะมาป้ายยากันในวันนี้ REASONS TO STAY ALIVE แด่ผู้แหลกสลาย นั่นเองค่ะ
Matt Haig แมตต์ เฮก นักเขียนชาวอังกฤษ เล่าประสบการณ์การเผชิญหน้ากับโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลของตัวเองที่ค้นพบมันเมื่ออายุเพียง 24 ในปี 1999 จากชายที่เคยคิดว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว สู่นักเขียนหนังสือให้กำลังใจผู้คนที่มีผลงานติดอันดับขายดีไปทั่วโลก ถึงขนาดที่นักอ่านออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “หนังสือเล่มนี้อยากให้เรามีชีวิตอยู่ต่อ” น่าสนใจมากเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ เราเองถึงแม้จะไม่ได้อ่านงานของคุณเค้าครบทุกเล่ม แต่เล่มไหนที่แปลเป็นไทยแล้วได้รับการพูดถึง บอกเลยว่าเราเก็บเรียบค่ะ
ในวงการหนังสือ เรามักจะได้ยินประโยคที่ว่า “หนังสือของคุณเฮก คือหนังสือที่เหมาะกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าที่สุด” ซึ่งจากการที่ได้อ่านงานของนักเขียนท่านนี้มา ขอบอกเลยว่าเราเห็นด้วยค่ะ เพื่อน ๆ คิดดูสิคะว่ามันจะดีสักแค่ไหนถ้าเราได้อ่านถ้อยคำปลอบโยนหัวใจจากใครสักคนที่ไม่แม้แต่จะเคยเจอกัน แต่ดันทำให้เรารู้สึกว่ายังมีอีกคนบนโลกที่เข้าใจความรู้สึกเรามากมายขนาดนี้ และถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในภาวะซึมเศร้า หนังสือของคุณเฮกก็เป็นตัวเลือกที่ดีหากอยากอ่านอะไรที่พาเราไปทำความเข้าใจมุมมองของคนที่อยู่ในภาวะนั้น รวมถึงการอ่านเพื่อตั้งคำถามและกลับมาสำรวจหัวใจตัวเองอีกด้วย
เรื่องย่อ
Reasons to Stay Alive ถูกตีพิมพ์ในปี 2015 หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนพาหนะพาเราท่องเข้าไปในสมองของคุณเฮก ด้วยการเล่าเรื่องเป็นตอนสั้นๆ คล้ายบันทึกข้อความ แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเป็นบันทึกความทุกข์ทนทรมานของผู้ป่วยที่จมจ่ออยู่กับความเศร้าและความตายนะคะ กลับกัน มันเป็นเหมือนการอ่านบันทึกของการพยายามทำความเข้าใจและการรับมือกับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยความอดทนอย่างมากเลยล่ะค่ะ
ด้วยวิธีการบอกเล่าที่อ่านง่าย เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ จึงให้ความรู้สึกเหมือนอ่านไดอารี ที่เต็มไปด้วยความในใจซึ่งคุณเฮกไม่กล้าเล่าให้ใครฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งการคิดถึงเรื่องความตายอยู่เสมอ, กลัวการจากลา, ความรู้สึกเศร้าไม่สิ้นสุด, อาการนอนไม่หลับ, กลัวผู้คนและการเข้าสังคม, รู้สึกไม่มีค่า ฯลฯ
เขาพยายามข้ามพ้นความรู้สึกแย่ ด้วยการบอกตัวเองว่าเคยมีวันที่แย่กว่านั้นมาแล้ว ฝืนทำสิ่งที่กลัว โดยที่ไม่มีใครบอกได้ว่าต้องทำสิ่งไหนแล้วอาการป่วยจะหายไป ค่อย ๆ สังเกตตัวเองว่าอะไรทำให้ตัวเองแย่ลงและอะไรทำให้ตัวเองดีขึ้น (ซึ่งไม่เสมอไป) คล้ายการ ทำความรู้จักตัวเองใหม่ผ่านการพยายามฟื้นฟูตัวเอง รวมถึงในเล่มยังแนะนำหนังสือดีๆ มากมายให้เราได้ลองอ่านกันด้วยค่ะ
ช่วงหลังของหนังสือ คุณเฮกได้หยิบยกเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามาให้เราได้อ่าน รวมถึง 40 วิธีใช้ชีวิตแบบเฮก แต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งธรรมดา ทำได้ง่าย แต่เรากลับรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่อ่านแล้วทัชใจมาก ๆ
เหตุผลและข้อความที่ชอบจากหนังสือเล่มนี้
“สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ และเป็นสิ่งเดียวที่ควรทำคือ ฟังเสียงของตัวเอง” นี่คือข้อความที่เราชอบมากจากหนังสือค่ะ อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าผลงานหนังสือของคุณเฮกที่แปลเป็นไทยเราได้อ่านไปแล้วหลายเล่ม เหตุผลที่เราชอบเพราะรู้สึกว่าการอ่านงานของคุณเฮกไม่เพียงแต่ให้ข้อคิด หรือชวนกลับมาสำรวจใจตัวเอง แต่ยังเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอ แง่มุมที่คนส่วนใหญ่ปิดบังไว้ไม่ให้ใครรู้ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันจับต้องได้และเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรหันมาให้ความสำคัญ
นอกจากวรรณกรรมที่เล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิง ผสมผสานความแฟนตาซี ในส่วนของความเรียงเล่มนี้ก็กินใจไม่แพ้กัน และไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหนก็เป็นหนังสือที่รู้สึกว่าอยากหยิบมาอ่านซ้ำ ๆ เผื่อว่าจะได้มุมมองใหม่ในแต่ละครั้งที่หยิบมาอ่านนั่นเองค่ะ
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร
เป็นหนังสืออีกเล่มที่มีความอ่านง่าย ได้เห็นถึงประสบการณ์การต่อสู้กับโรคที่เรียกได้ว่าเป็นโรค “ล่องหน” เหมาะทั้งกับคนที่กำลังเผชิญกับภาวะนี้อยู่ อ่านเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านั้นมาเป็นกำลังใจให้ตัวเองสู้ต่อไปในวันข้างหน้า หรือใครที่ไม่ได้มีภาวะซึมเศร้าแต่อยากทำความเข้าใจอาการของโรคก็สามารถอ่านได้เช่นกันค่ะ แต่อาจจะไม่เหมาะกับมือใหม่ที่อยากอ่านหนังสือแนวการพัฒนาตัวเองเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาหลักเน้นไปที่การพาตัวเองออกจากภาวะซึมเศร้า ถ้าไม่เข้าใจภาวะนี้อาจจะไม่อินกับสิ่งที่หนังสือต้องการจะสื่อออกมา
ก่อนจบบทความนี้ ขอทิ้งท้ายไว้ว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ไหนหรือกำลังเผชิญกับอะไร อาจจะดีหรือแย่ งดงามหรือเลวร้ายแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างมันก็จะผ่านไปนะคะ ขอเพียงแค่เราเชื่อมั่นในตัวเอง อดทน เข้มแข็ง แล้วในที่สุดทุกอย่างมันจะดีขึ้นเองค่ะ มันอาจจะมีช่วงที่รู้สึกว่าเราน่าจะผ่านมันไปไม่ได้ หรือรู้สึกว่าตัวเราไม่เอาไหนเลย กลับกันให้คิดว่าเราเนี่ยไม่ธรรมดาเลยนะ ที่ฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างมาได้ขนาดนี้และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราล้วนดีแล้วที่มันเกิดทั้งสิ้นค่ะ อย่างที่คุณเฮกบอกไว้ “สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ และเป็นสิ่งเดียวที่ควรทำคือ ฟังเสียงของตัวเอง” เชื่อมั่นในตัวเองกันเยอะ ๆ นะคะทุกคน แล้วเจอกันใหม่กับหนังสือดี ๆ ที่จะมาป้ายยาในบทความหน้า บ๊ายบายค่า
ฝ่ายบริการสมาชิก The 1 หรือ The1 Call Center
ที่หมายเลข 02-660-1000 ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 22.00 น. เพื่อแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการรับข้อมูลข่าวสาร
จะมีผลให้ส่วนลด พลังสะสมหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจะถูกยกเลิกในทันที และหากท่านกลับมาสมัครใหม่ในภายหลังจะถือเป็นสมาชิกใหม่
ของท่านจะถูกยกเลิกทันที หลังจากท่านกดยืนยัน