เป็นเรื่องปกติมาก ๆ ที่คนเราจะคิดมากไปซะทุกเรื่อง เพราะชีวิตของคนมันซับซ้อนจะตาย ร้อยคอนเทนต์พันเหตุการณ์ ไม่ให้คิดมากยังไงไหว ว่ามั้ยคะ ? แต่คงจะดีกว่า ถ้าเราสามารถหาวิธีทำให้ตัวเองเลิกคิดมากกับทุกเรื่องได้บ้าง จะได้มีช่องว่างให้ได้พักหายใจแล้วเดินหน้าต่อไป
ไม่แน่ใจว่าเพื่อน ๆ B2S Club มีวิธีที่จะทำให้เลิกคิดมากยังไงกันบ้าง หลายคนอาจจะหนีจากโลกจริงไปโลกจินตนาการที่แฮปปี้มากกว่าอย่างการดูหนังดูการ์ตูนเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลาย บางคนก็ฟังเพลงที่ตรงกับมู้ดอารมณ์ ณ ตอนนั้น เพื่อตอกย้ำความรู้สึก ขณะเดียวกันก็ทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นไปพร้อม ๆ กันด้วย บางคนก็อาจจะเลือกทำงานบ้านหรืองานอดิเรกบางอย่างเพื่อหันเหความสนใจ เช่น ล้างจาน กวาดบ้าน ปลูกต้นไม้ เดินเล่น ฯลฯ
แต่ความสบายใจที่ผุดขึ้นมาชั่วครู่ มันไม่ได้ทำให้อาการคิดมากหายไปเลยแฮะ เหมือนพอ (พยายามจะ) เลิกคิดมากมาได้ทั้งวัน หัวถึงหมอน ปิดไฟ หลับตาลงทีไร ทุกเรื่องที่ไม่สบายใจก็กลับมารีเพลย์เหมือนฉายหนังซ้ำในหัวอีกครั้งจนนอนไม่หลับอยู่ดี เผลอคิดมากอีกแล้ว แถมยังจินตนาการไปไหนต่อไหนถึงผลลัพธ์ที่กลัวไปก่อนเพราะยังไม่เกิดขึ้นด้วย
เอาละ ไม่ว่ายังไงทุกเรื่องก็มีทางออกเสมอ อย่าไปยอมให้ความคิดมากมาเป็นอุปสรรคขัดขวางการมีชีวิตที่ดีและแฮปปี้ แคมเปญนี้เราคือผู้ชนะเท่านั้น ! มาค่ะ เรามีหนังสือ 6 เล่ม ที่จะมาช่วยตัดวงจรคิดมากอย่างค่อยเป็นค่อยไป มาฝากกัน จะมีเล่มไหนน่าสนใจ ตามมาโลด
เพราะเราแคร์ความคิดเห็นและความรู้สึกของคนอื่นเสมอ บรรทัดฐานทางสังคมก็ด้วยที่เรานึกกลัวจนไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าคิดจะแตกต่าง ไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง ก็เลยเป็นตัวเราเองที่ต้องคิดมาก แบกความรู้สึกไว้มากมาย แถมยังกดดันและรู้สึกผิดเมื่อตัวเราไม่ได้คิดหรือทำในสิ่งที่คนอื่นหรือสังคมเห็นว่าสมควร
ถึงเวลาที่เราจะเลิกแคร์อะไรที่ไม่สำคัญกับชีวิตขนาดนั้นสักที จะได้ไม่ต้องมาคิดมากให้ปวดหัว เพราะเอาจริง ๆ เหตุผลที่ทำให้เราคิดมากอยู่ได้ก็มาจากคนอื่นทั้งนั้น “ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อหล่อน จะแคร์เพื่อ?” เป็นมินิคู่มือสุดจี๊ดที่นักเขียนจั่วไว้ว่ามันคือ “คู่มือแยกขยะ” ที่จะช่วยเราคัดกรองขยะรก ๆ (หรือพูดง่าย ๆ ก็คือความคิดคนอื่น) ออกไปจากสมอง ซึ่งความพิเศษของเล่มนี้คือนอกจากจะให้คำแนะนำสารพันปัญหาทั้งเรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องความรัก และเรื่องคนในครอบครัว ได้แบบถึงพริกถึงขิง หยิกแกมหยอก ใครจะรู้ว่านักเขียนที่ปลายปากกาจี๊ดจ๊าดขนาดนี้ เป็นบาร์โฮสต์ตัวแม่ผู้จัดจ้านแห่งย่านคาบุกิโจเชียวนะ!
เราให้คะแนนเล่มนี้แบบอินฟินิตี้เลย เพราะอ่านสนุกมากกก และถึงแม้ว่ามันจะมีความแสบ ๆ คัน ๆ ดูเป็นเอเนอร์จี้ตัวแม่ แต่ขอบอกเลยว่า คำแนะนำแต่ละเรื่องมันมีวุฒิภาวะอยู่สูงมาก ทั้งเรียบง่าย ลึกซึ้ง และเอาไปปรับใช้กับชีวิตตัวเองได้จริง ๆ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม
สั่งซื้อ ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อหล่อน จะแคร์เพื่อ? คลิก:
อย่างที่รู้กันว่าสมองของเราทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ไม่เว้นวันหยุดราชการ แล้วในแต่ละวันก็มีเรื่องให้คิด คิด คิด มากมายเต็มไปหมด สภาพเราเลยไม่ต่างไปจากซอมบี้ ที่ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า ทั้งเพลีย คิดงานอะไรก็ไม่ออก แถมยังรู้สึกว่าสภาพจิตใจย่ำแย่ซึมเซาบอกไม่ถูก
ถ้าคิดจะ (ให้สมอง) พัก คิดถึง “ศาสตร์ของสมองที่รู้จักหยุดพัก” หนังสือที่จะช่วยบอกวิธีว่า เราจะทำยังไงให้สมองหยุดพักได้บ้าง? โดยแพทย์ด้านสมองชื่อดังจากญี่ปุ่นอย่างคุณคุงายะ อากิระ จะพาเราออกสำรวจการทำงานของสมอง พร้อมทั้งแนะนำวิธีพักสมองตามหลักวิทยาศาสตร์ที่หลายคนต้องอยากรู้แน่นอน เช่น วิธีปฏิบัติเมื่อรู้ตัวว่ากำลังคิดฟุ้งซ่าน, วิธีเลิกคิดอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ, วิธีพักสมองที่ทำได้ตอนพักเที่ยง : จดจ่อขณะกิน ฯลฯ
สั่งซื้อ ศาสตร์ของสมองที่รู้จักหยุดพัก คลิก:
ก็นั่นน่ะสิ! (ตอบชื่อหนังสือ 555) บางเรื่องบางสถานการณ์ ขณะที่เราคิดมากแทบตาย อีกฝ่ายที่เป็นคู่กรณีอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าได้รู้แบบนั้นก็ยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่ เพราะกลายเป็นว่า เราเป็นคนเดียวที่รู้สึกผิด รู้สึกแย่ คิดไปต่าง ๆ นานา แต่อีกฝ่ายสบายใจเฉิบสุด ๆ
“ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว!” เป็นหนังสืออีกเล่มที่ทำให้เราเห็นว่า ความคิดของคนมันซับซ้อนหลายมิติมากเกินจนน่าเวียนหัว และเราจะต้องหาวิธีเบรกตัวเองไม่ให้จมไปกับความคิดลบ ๆ ที่เจอทุกวันให้ได้ เห็นปกน่ารัก ๆ อย่างงี้ อ่านไปก็ได้กำลังใจเต็มร้อยเลยนะ แถมยังได้คำแนะนำที่ช่วยให้เราปรับมุมมองความคิดตัวเองได้ไม่ยาก ทั้งความรู้สึกขุ่นมัวจากโซเชียล ความสัมพันธ์ ที่ทำงาน แม้แต่ความขุ่นมัวในใจ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเล่มนี้ทำให้รู้สึกดีกับตัวเองและใจเบาขึ้นมาก จะเลิกคิดมากได้จริง ๆ ก็คราวนี้แหละ เพราะชื่อหนังสือบอกไว้ว่าป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว!
สั่งซื้อ ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว! คลิก:
การเป็นคนขี้กังวล ทุกคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติเพราะใคร ๆ ก็เป็นกันได้ จริง ๆ ก็มีส่วนถูกค่ะ แต่กำลังจะบอกว่า ความกังวล มันส่งผลร้ายกับชีวิตเรามากกว่าที่คิดไว้ (ยิ่งบอกแบบนี้ ยิ่งเพิ่มความกังวลมั้ยนะ 555) เพราะมันไม่ได้เป็นแค่เรื่องอารมณ์ความรู้สึกอย่างเดียว แต่มันเอฟเฟกต์ไปถึงสุขภาพร่างกายของเราด้วย
“เลิกเป็นคนขี้กังวลตลอดไป” เป็นหนังสือที่ทำให้เรารู้ว่าจริง ๆ แล้ว ความวิตกกังวลมันเกิดมาจากการเสพติด แปลกมากแต่จริง พอย้อนนึกดูก็พบว่ามันเป็นงั้นจริงด้วย เหมือนเราคิดมากจนเป็นนิสัย นานวันเข้าก็หยุดคิดไม่ได้ เหมือนเสพติดความวิตกกังวลไปก่อนกับทุกเรื่อง ซึ่งเล่มนี้จะมาช่วยแนะนำวิธีฝึกตัวเองให้อย่างน้อย ๆ ก็อยู่กับความกังวลที่มีได้อย่างสงบสุข ไม่ฟุ้งซ่านมากไป และไม่เหนื่อยล้ากับการหยุดคิดไม่ได้อย่างที่เคยเป็นมา
สั่งซื้อ เลิกเป็นคนขี้กังวลตลอดไป คลิก:
5. แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล [H2]
เคยมีความรู้สึกนี้กันมั้ยคะ อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่รู้สึกโดดเดี่ยว อยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะแต่ก็ยังเปล่าเปลี่ยวหัวใจ เหมือนไม่เคยอยู่ถูกที่ถูกเวลาเลย ยิ่งเจอคนมากขึ้นก็เหมือนต้องคอยปรับตัวให้ตามคนอื่นทันอยู่ตลอด เพราะไม่อย่างนั้นก็จะผิดแปลกจากสังคมไป จนนานวันเข้าก็เริ่มรู้สึกหาคำตอบไม่ได้ ว่าทำไมเราถึงเหมือนคนที่เว้าแหว่ง มีอะไรบางอย่างขาดหายไปเสมอ
“แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล” เป็นผลงานจากแมตต์ เฮก นักเขียนในดวงใจใครหลาย ๆ คนที่ถ่ายทอดเรื่องราวเยียวยาหัวใจนักอ่านมาแล้วทั่วโลกได้อย่างงดงาม เล่มนี้เขาจะพาเราไปสำรวจผ่านบันทึกว่า ท่ามกลางโลกสมัยใหม่ที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง สภาพจิตใจของผู้คนกลับสวนทางไปอีกฟาก มีวิธียังไงที่จะดึงตัวเองกลับมาได้ในห้วงขณะที่รายล้อมไปด้วยสิ่งที่พร้อมจะทำให้เราคิดมาก วิตกกังวลได้อยู่ตลอดเวลา
หนังสือเล่มนี้นอกจากจะช่วยแนะนำวิธีรับมือกับอาการแพนิกและความกังวล ยังช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันทางใจ ไม่รู้สึกขาดพร่องอะไร และยังรักษาตัวตนไว้ได้ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนไปเสมอ
สั่งซื้อ แด่เธอ บนดาวเคราะห์ช่างกังวล คลิก:
เล่มนี้เป็นอีกเล่มฮิตที่ถ้านึกถึงเรื่องการคิดมาก ก็จะติดท็อปลิสต์ของหนอนหนังสือหลาย ๆ คน ใครที่กำลังหาวิธีเลิกคิดมาก นี่เลยค่ะ จบจึ้งตั้งแต่ชื่อหนังสือแล้ว เพราะเขาบอกว่า “คิดมากไปทำไม อีก 100 ปีก็ตายกันหมดแล้ว” เราเองก็พยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย แม้การเลิกคิดมากจะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้นี่นา ในเมื่อเวลาในชีวิตมีอยู่เท่านี้ จะมัวแคร์เรื่องคนอื่นไปทำไมเนอะ
จะบอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นกระแสโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่นเลยค่ะ ด้านในมีภาพประกอบน่ารัก ๆ อ่านง่าย เนื้อหาข้างในเป็นการรวบรวมตัวอย่างประเด็นความคิดมากและความกังวลใจจากหลากหลายสถานการณ์เอาไว้ จนเหมือนมานั่งในใจคนอ่านเลย ซึ่งเราว่ายิ่งคนที่เซนซิทีฟ อ่อนไหวง่าย และมักจะกังวลถึงความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นเสมอ เหมาะมาก ๆ ที่จะอ่านเล่มนี้
ในเล่มไม่ได้แค่แนะนำวิธีเลิกคิดมากอย่างเดียว แต่ยังเหมือนช่วยให้เราได้ฝึกจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเรื่องนั้น ๆ และปรับเปลี่ยนมุมมองให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วย
สั่งซื้อ คิดมากไปทำไม อีก 100 ปีก็ตายกันหมดแล้ว คลิก:
จบกันไปกับ 6 หนังสือที่เอามาแนะนำวันนี้ แม้ว่าจะอยู่ในลิสต์หนังสือที่อ่านแล้วช่วยให้เลิกคิดมากได้ แต่ก็ต้องเบรกกันตรงนี้ก่อนว่า มันคือการเลิกคิดมาก “อย่างค่อยเป็นค่อยไป” นะคะ เราต้องไม่กดดันตัวเองกันขนาดนั้นว่าอ่านแล้วจะเลิกคิดมากได้ทันที การตัดวงจรคิดมากไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เลยเสมอไป แต่เป็นเรื่องที่ถ้าค่อย ๆ ฝึกไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งเราก็สามารถเลิกคิดมากได้จริง ๆ เพราะเราเรียนรู้ที่จะวางเฉย และตัดสิ่งไม่จำเป็นออกไปจากชีวิตได้ง่ายขึ้นแล้ว
หวังว่าคำแนะนำจากหนังสือเหล่านี้จะเป็นเหมือนเพื่อนฮีลใจ ที่คอยอยู่เคียงข้างในวันที่เพื่อน ๆ คิดมากกับอะไรก็ตามที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนะคะ บอกเลยว่าถ้าได้อ่านตามลิสต์นี้แล้ว จะต้องบอกว่า รู้งี้น่าจะอ่านเร็วกว่านี้ ชีวิตคงจะง่ายขึ้น แฮปปี้มากขึ้น สบายใจขึ้นตั้งนานแล้ว เอาเป็นว่า ใครอยากเลิกคิดมาก ต้องแวะไปซื้อหนังสือดี ๆ จากลิสต์นี้ที่ร้านหนังสือ B2S กันแล้วนะคะ