สวัสดีค่าเพื่อน ๆ นักอ่านชาวคลับทุกท่าน เวลาล่วงเลยมาถึงกลางปีแล้ว ตอนนี้ทุกคนอ่านหนังสือกันไปได้กี่เล่มแล้วน้า จะบอกว่า...ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีเวลา ลองหาหนังสือที่อ่านได้วันละหน้ามาอ่านกันดูมั้ยคะ ใช่แล้ว เพื่อน ๆ ไม่ได้อ่านผิดไปค่ะ หนังสือที่เราจะมาป้ายยาวันนี้ เป็นหนังสือที่เพื่อน ๆ สามารถเปิดอ่านได้วันละหน้าทุกวันตามปฏิทินเลย แถมยังเป็นหนังสือปรัชญาที่อ่านง่าย ได้ข้อคิดนำไปพัฒนาชีวิตให้เปลี่ยนแปลงขึ้นในทางที่ดีแบบสุดยอดได้ด้วย!
ว่าแต่ หนังสือที่ให้อ่านแค่วันละหน้าจะเป็นแบบไหน จะอ่านได้จริงหรอ ?
ถ้าพร้อมที่จะโดนป้ายยาแล้ว อย่ารอช้า..ตามมาเลยค่า!
จากชื่อหนังสือ เพื่อน ๆ บางคนอาจจะสงสัยว่า สโตอิกคืออะไร ? มาค่ะ! เราจะขยายความให้เอง ก่อนอื่นเลยขอเล่าคร่าว ๆ ก่อนว่า “ปรัชญาสโตอิก” หรือ stoicism คือปรัชญากรีกโรมันโบราณที่มีมานานกว่าพันปี ว่าด้วยจริยธรรมและการแสวงหาภูมิปัญญาในชีวิต
ปรัชญาสโตอิก จะเน้นพูดถึงสิ่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา และให้เรายอมรับในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น เราสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำของเราได้ แต่เราไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ภายนอกหรือความคิดเห็นของคนอื่นได้ โดยการทำเช่นนี้ จะทำให้เราเกิดความสงบสุขภายในจิตใจได้นั่นเองค่ะ
โดยในเล่มจะมีทั้งหมด 366 แนวคิดตามจำนวนวันใน 1 ปีเลย แบบนี้คนที่ไม่มีเวลาอ่านหนังสือก็จะยังสามารถเปิดอ่านได้วันละหน้า จนกว่าจะครบ 1 ปี ลองคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าแต่ละวัน เราสามารถนำข้อคิดมาพัฒนาชีวิตตัวเองวันละ 1 เรื่อง แค่นี้ก็ถือเป็นสิ่งดีๆ ที่ทำให้ตัวเองใจฟู แถมทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ ด้วยนะคะ
อ่านหนังสือแค่วันละหน้าก็สามารถพัฒนาตัวเองได้แล้ว ปังสุด ๆ ไปเลย!
ส่วนตัวเราว่าเนื้อหาในหนังสือค่อนข้างที่จะยากสำหรับเด็กไปสักหน่อย เลยคิดว่าเล่มนี้น่าจะเหมาะกับวัยมหาลัย หรือวัยทำงานที่โตแล้วสักหน่อยค่ะ เพราะอาจจะต้องใช้ประสบการณ์ชีวิตมาเป็นส่วนประกอบกับการตีความหมายจากหนังสือ ขอแนะนำว่า ถ้าหากอยากพัฒนาตัวเองอาจจะลองตั้งเป้าหมายโดยการลองฝึกฝนตามหนังสือวันละหน้าตลอดปีก็ดีนะคะ ซึ่งถึงจะเป็นช่วงกลางปีแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะการพัฒนาตัวเองของเรา ไม่จำเป็นต้องรอถึงวันปีใหม่ของอีกปีนึงก็ได้ เราสามารถทำได้เลยทุกวัน เพราะในแต่ละวันที่ตื่นมาก็คือโอกาสที่เราจะได้เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วนั่นเองค่ะ หรือถ้าใครที่ชอบอ่านข้อความสั้น ๆ ได้แนวคิดมาปรับใช้ก็น่าจะถูกใจเล่มนี้นะคะ
เราขอยกข้อความจากหน้าที่ชอบมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน ซึ่งข้อความนี้เป็นของวันที่ 19 ตุลาคมนะคะ
“เมื่อสุนัขเห่าเสียงดังเพราะมีคนมายืนอยู่หน้าประตู สิ่งที่คุณไม่ควรทำอย่างยิ่งคือตะโกนวายวายเสียงดัง เพราะสุนัขอาจจะคิดว่าคุณกำลังเห่าไปกับมันด้วย เมื่อสุนัขวิ่งหนีก็ไม่ควรวิ่งตาม เพราะมันอาจคิดว่าคุณกำลังเล่นกับมัน ทางเลือกที่ดีกว่าในทั้ง 2 กรณีคือ การหาอย่างอื่นให้สุนัขทำ บอกให้มันนั่งลง บอกให้มันกลับไปที่เตียงหรือคอก วิ่งไปยังทิศทางอื่น ทำสิ่งที่ผิดจากรูปแบบเดิมเพื่อขัดขวางแรงกระตุ้นในแง่ลบ มนุษย์เราเองก็เช่นกัน เมื่อนิสัยเลวร้ายเผยออกมาก็ควรโต้ตอบมันด้วยการยึดมั่นในคุณธรรมที่ตรงกันข้าม อย่าคล้อยตามนิสัยที่คุ้นชิน จงใช้แรงต้านจากการฝึกฝนมาคอยรั้งตัวเองไว้ไม่ให้เตลิดไปกับมัน หากคุณพบว่าตัวเองขี้เกียจระหว่างการฝึกหรือขณะทำโครงการบางอย่าง ก็จงบอกตัวเองว่า โอเค ตอนนี้ฉันจะวิ่งให้ไกลกว่าเดิมหรือทำงานนี้ให้ดีขึ้น นิสัยดีมีพลังในการขับไล่นิสัยเสียให้หมดไป อีกทั้งนิสัยยังเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ง่าย อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้ว”
อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ ส่วนตัวเราอ่านจบแล้วรู้สึกฮึกเหิมมีกำลังใจขึ้นมาเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าปรัชญาที่มีมากว่าพันปี จะยังสามารถนำมาปรับใช้กับคนในยุคปัจจุบันได้อยู่ รู้สึกอเมซิ่งมากเลย
เรามองว่ามันเจ๋งสุด ๆ ไปเลยค่ะ อย่างที่บอกไปตอนแรกว่า ปรัชญานี้มีมาตั้งแต่ยุคโบราณแต่ยังสามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตของคนในปัจจุบันได้ ยอมรับในความเก่งของเหล่านักปรัชญาชาวกรีกโรมันโบราณเลย จะเรียกว่าเป็นคำสอนที่ไม่มีวันตายเลือนหายไปกับกาลเวลาเลยก็ว่าได้นะคะเนี่ย และนอกจากความเจ๋งแล้ว เราชอบที่เอามาปรับใช้ได้จริง ไม่ได้เขียนขึ้นมาเป็น how to เรื่อยเปื่อยที่ทำตามไม่ได้ ช่วยดึงสติได้อย่างดี แต่สิ่งเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยนะคะ ว่าจะนำมาปรับใช้ยังไงให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะกับหนังสือดี ๆ ที่เรานำมาป้ายยาเพื่อน ๆ ในวันนี้ สำหรับใครที่คิดว่าเป็นหนังสือปรัชญากลัวว่าภาษาจะอ่านยาก เราขอแนะนำว่า ให้ลองไปเปิดอ่านเล่มจริงที่ร้านหนังสือดูก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจก็ดีนะคะ แต่สำหรับใครที่ชอบอ่านแนวนี้อยู่แล้ว ขอบอกเลยค่ะว่าพลาดไม่ได้ ว่าแล้วเราก็ขอตัวไปเปิดอ่าน stoic 1 หน้าสำหรับวันนี้ก่อนนะคะ ไว้กลับมาป้ายยาใหม่บทความหน้าค่า