เผลอแป๊บเดียว เราผ่านปี 2567 กันมาเกือบครึ่งปีแล้วนะคะทุกคนนนน ยังฮึบ ๆ กันอยู่เนอะ 555 สารพัดเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน ไหนจะสภาพอากาศที่ร้อนเหงื่อไหล เหมือนได้อาบน้ำวันละสิบรอบอีก พาลให้น่าเหนื่อยหน่ายไปหมด แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว นักอ่านชาว B2S Club ของเรา จะต้องหาทางบูสต์เอเนอร์จี้ให้กลับมาสดชื่นขึ้นได้ด้วยหนังสือสักเล่มเสมอ
และวันนี้ ใครที่กำลังรู้สึกว่าหมดไฟจนไม่อยากทำอะไรเลย ท้อแท้กับการเรียน เหนื่อยกับการทำงาน เรามีหนังสือ 10 เล่มที่จะช่วยเติมไฟให้ทุกคนกลับมามีแพสชันอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่แค่แพสชันต่อเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน แต่เป็นแพสชันที่มีต่อตัวเอง การใช้ชีวิต และการทำตามความฝันด้วย จะมีเล่มไหนบ้าง ไปดูกันเลย
ใครเห็นเล่มนี้ก็ต้องร้องอ๋อ เพราะเป็นอีกเล่มนึงที่ขายดีติดลมบน และนักอ่านหลาย ๆ คนชื่นชอบ ดูจากชื่อหนังสือ อาจพอทำให้เราเห็นภาพได้ชัดมากขึ้นว่า เวลาจริง ๆ ในชีวิตของเราถ้านับแล้ว ก็คงมีราว ๆ 4,000 พันสัปดาห์อย่างที่นักเขียนว่าไว้นั่นแหละ แต่คำถามคือ เมื่อรู้ว่าเวลาชีวิตมีอยู่เท่านี้ เราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุขท่ามกลางอาการหมดไฟและความวิตกกังวลทั้งหลายที่ล้อมวงเข้ามา ใจความสำคัญของเล่มนี้ ไม่ได้กำลังจะบอกให้เราต้องเป็นคน Productive ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หรือต้องเป็นคนที่ตารางเวลาแน่นเอี้ยด ใช้เวลาคุ้มค่าทุกวินาทีเพื่อให้ไม่รู้สึกเสียดายเวลาชีวิต แต่เล่มนี้ กำลังจะพาเราไปสำรวจปรัชญาเกี่ยวกับเวลาและการบริหารเวลา ที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจาก “คำสาปของยุคโมเดิร์น” ที่เรียกร้องให้เรายัดทุกอย่างลงในเวลาจนทำให้เครียดกับชีวิตมากเกินไป และท้ายที่สุดก็นำมาสู่อาการหมดไฟนั่นเอง
เป็นอีกเล่มที่เหมาะกับคนที่อยากบริหารจัดการเวลาให้เป็น เพื่อให้สามารถจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น สามารถบาลานซ์ชีวิตประจำวัน ภาระหน้าที่ และงานอดิเรกหรือความฝันให้สมดุลกันได้ เราเองก็เป็นคนนึงที่แม้วันหยุดก็ยังต้องทุ่มเทเวลาให้กับงาน แต่เมื่อเข้าใจว่า คนทุกคนก็มีขีดจำกัดในชีวิตและมีเวลาเท่า ๆ กันทั้งนั้น แต่ก็ยังสามารถทำในสิ่งที่ชอบได้ ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและมีความสุขได้ แม้จะไม่ได้สุขไปทุกวันก็ตาม มันเลยเกิดเป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้ฮึดสู้ต่อ เหมือนว่าอ่านเล่มนี้แล้ว มุมมองที่เรามีต่อ "เวลา" ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
ชีวิตที่ดี เราออกแบบเองได้ไหมนะ? เล่มนี้ของนิ้วกลม จะพาเราออกเดินทางไปค้นหา 'ชีวิตที่ดีจากสารพัดที่ในโลก' เพื่อให้ได้รู้แนวทางว่าแต่ละถิ่นที่ แต่ละประเทศ แต่ละความเชื่อ เขามีวิธีและมุมมองความคิดในการใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างไร โดยเนื้อหาจะสอดแทรกผ่านถ้อยคำตามหลักปรัชญาที่เราสามารถดึงอันใดอันหนึ่งหรือทั้งหมด มาปรับใช้กับชีวิตของเราเองได้ ไม่ว่าจะเป็นวิถีแห่งเต๋า สโตอิก อิคิไก วะบิ-ซะบิ ซิสุ ฮุกกะ นิกเซน และเดธคลีนนิ่ง
นอกจากจะได้เคล็ดลับดี ๆ ไปปรับใช้ให้ตัวเองมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ยังเหมือนได้ออกเดินทางไปพร้อม ๆ กับนักเขียน เพื่อที่สุดท้ายแล้ว เราจะได้เจอ 'ชีวิตที่ดี' ในแบบของเราเอง
สั่งซื้อหนังสือ How to Live a Good Life คลิก:
ใครอยากได้กำลังใจแบบเร่งด่วน เล่มนี้เหมาะมาก เพราะเป็นความเรียงฮีลใจที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ เปิดพลิกสุ่มอ่านสักหน้าก็ได้ข้อคิดและพลังงานบวกกลับมา เนื้อหาจะพูดถึงการสร้างโอกาส และความพร้อมทั้งทางด้านหัวใจและร่างกาย ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจว่าชีวิตของคนทุกคนแตกต่างกัน เราไม่จำเป็นจะต้องเก่งทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์พร้อมทุกขณะ หรือประสบความสำเร็จให้ได้อย่างที่คนอื่นเป็น แต่เป็นไปอย่างนี้ในแบบของเรานี่แหละ ใช้ชีวิตและวิ่งตามฝันไปในจังหวะความเร็วที่เราพอไหวก็พอ แล้วสักวันหนึ่ง ความสำเร็จจะมาถึง เพราะทุกคนต่างก็มีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น
สั่งซื้อหนังสือ ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง คลิก:
ถ้าเป็นคนไม่ชอบตัวหนังสือเยอะ ๆ ติดกันเป็นพรืด อยากอ่านอะไรผ่อนคลายเบาสมองมากกว่า เล่มนี้ยังไงก็ต้องโดน! "100 วันสุดท้ายของนายจระเข้" เป็นหนังสือการ์ตูน 4 ช่อง 4 สีสุดน่ารักที่ช่วยจุดไฟแพสชัน เห็นเป็นการ์ตูนแบบนี้ แต่ให้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลย
โดยเนื้อหาจะนำเสนอชีวิตประจำวันของจระเข้ที่ใช้ไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าอีก 100 วันตัวเองกำลังจะตาย สิ่งที่มากกว่าความน่ารักและความอ่านง่ายย่อยง่าย คือคุณค่าของเนื้อเรื่องที่ช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของเวลา เรียนรู้ที่จะให้คุณค่ากับคนรอบตัว ไม่ทิ้งโอกาสดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต รวมถึงการลองออกจากคอมฟอร์ตโซน ตั้งใจลองอะไรใหม่ ๆ และไม่เพิกเฉยกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทุก ๆ วัน อ่านแล้วจะรู้สึกซาบซึ้งในชีวิตและสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นเลยล่ะ
สั่งซื้อหนังสือ 100 วันสุดท้ายของนายจระเข้ คลิก:
ทุกคนคงเคยได้ยินว่า ที่ชีวิตเรายุ่งยากซับซ้อน อาจเป็นเพราะเราเลือกที่จะใช้ชีวิตกันยากเกินไปเอง “Let’s Run Away ไม่ใช่ก็ก้าวออกมา” จึงเป็นหนังสือที่ช่วยย้ำเตือนเราว่า "อย่าใช้ชีวิตให้ยากเกินไปนักเลย" "อยากทำอะไรให้รีบทำซะ" และ "ทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข" ซึ่งคำพูดเหล่านี้ คือคำพูดสุดท้ายที่แม่เคยบอกกับนักเขียนไว้
รับรองว่าเล่มนี้อ่านสนุก ไม่น่าเบื่อ ช่วยเติมไฟเติมแพสชันได้แน่นอน เพราะมีภาพการ์ตูนน่ารัก ๆ พร้อมคำบรรยายตลอดทั้งเล่ม เราจะได้เจอกับ คุณกระต่ายคิม ผู้ที่โผล่มาปลอบประโลมเราด้วยกำลังใจดี ๆ ชูป้ายไฟให้เราฮึดสู้เพื่อความฝันของตัวเองอีกครั้ง
เราว่าเนื้อหาในเล่มแทบจะเอามาปรับใช้ได้ทั้งหมดเลย เพราะหลัก ๆ มันก็คือการปรับมุมมองและมายด์เซ็ตของเราเอง เช่นว่า เรื่องบางเรื่องถ้ามันยากเกินที่เราจะยื้อเอาไว้ แก้ไขอะไรไม่ได้แต่แรก ก็อย่าเครียดไปกว่านั้นเลย เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งนั้น หรือถ้าหากเป็นเรื่องการไล่ตามความฝัน การงาน ความสัมพันธ์ หรือกับสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องชนะก็ได้ แพ้บ้างก็ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่ระลึกไว้ อะไรที่ไม่ใช่ เราก็แค่ก้าวออกมา อาจจะช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร
สั่งซื้อหนังสือ Let’s Run Away ไม่ใช่ก็ก้าวออกมา คลิก:
เป็นอีกเล่มที่ขายดีอยู่ตลอด และไม่มีใครไม่พูดถึง “Atomic Habits” หนังสือที่จะช่วยให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่เก่งขึ้นได้ ทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จได้สมใจหวัง เพียงแค่พัฒนาตัวเองวันละ 1% !!!
หรือถ้าพูดแบบง่าย ๆ ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ หนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ จะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้นได้ เพียงแค่ต้องมีวินัยในการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองวันละนิด และทำให้เกิดเป็นนิสัย ซึ่งหลักการนี้ สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องการเงิน ความสัมพันธ์ การดูแลสุขภาพ ฯลฯ
ถ้าตอนนี้กำลังรู้สึกเหนื่อยล้า อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรก่อนดี การอ่านเล่มนี้วันละหน้า ก็ถือว่าโอเคแล้วนะสำหรับการเริ่มต้นพัฒนาตัวเองน่ะ
สั่งซื้อหนังสือ Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น คลิก:
ถ้าใครได้ตามข่าวจากโซเชียลเมื่อปีก่อน ๆ คงจะคุ้นกับชื่อของ คุณหมอกฤตไท คุณหมอที่สู้สุดใจกับโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หนังสือ “สู้ดิวะ” เป็นหนังสือที่คุณหมอเขียนขึ้นเพื่อสร้างพลังใจให้กับทุกคน ไม่ว่าจะกำลังเผชิญเรื่องยากลำบากอะไรในชีวิตอยู่ก็ตาม
เนื้อหาในเล่มนี้ เป็นบทเรียนจากการเผชิญหน้ากับมะเร็งปอดระยะสุดท้ายในวัยหนุ่ม ท่ามกลางความฝันมากมายที่คุณหมอยังอยากทำแต่เหลือเวลาไม่มากแล้ว ประเด็นสำคัญของเล่มนี้ นอกจากจะทำให้เราได้เรียนรู้การจัดลำดับความสำคัญของชีวิตใหม่ ก็ยังได้พบความหมายของการมีชีวิตอยู่ และยังได้พลังใจในการฟันฝ่าอุปสรรคที่กำลังเผชิญอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่าหลายคน อาจได้เสียน้ำตาตอนที่กำลังอ่านเล่มนี้ไปด้วยก็ได้นะ
การไล่ตามแพสชันเป็นเรื่องที่ดีเสมอแหละ แต่ถ้ามันเหนื่อย เหมือนโดนสูบพลังงานชีวิตมากเกินไป แบบนี้ถอยมาตั้งหลักก่อนดีกว่ามั้ย? “แพสชั่นที่ไม่ใช่ ทิ้งไปก็ไม่ผิด” เป็นเล่มที่รวบรวมแนวคิดไว้ให้แล้วว่าเราจะหาแพสชันที่ใช่เจอได้ยังไง ผ่านการสำรวจและทบทวนชีวิตด้วยหลัก 3 ข้อ ได้แก่ ‘เลิกตาม’ แพสชัน, ‘เปิดเปลือย’ ความสนใจเพื่อปลดล็อกทักษะที่ซ่อนอยู่ และ ‘ปลดปล่อย’ ชีวิตสู่อิสรภาพ เพื่อปรับมุมมองต่อเรื่องการมีแพสชันอีกครั้ง
ใครที่กำลังหลงทาง ไม่รู้ว่าตัวเองมาถูกทางรึเปล่า เคยสงสัยว่าจำเป็นต้องออกนอกคอมฟอร์ตโซนด้วยเหรอถึงจะเจอเส้นทางที่ดีกว่าเดิม? นี่เราจะต้องหาเงินเลี้ยงชีวิตไปจนตายโดยไม่ได้ใช้ชีวิตรึเปล่านะ หรือสิ่งที่กำลังทำอยู่เรียกว่าแพสชันจริง ๆ ไหม เล่มนี้อาจให้คำตอบที่ตามหาอยู่ก็ได้
สั่งซื้อหนังสือ แพสชั่นที่ไม่ใช่ ทิ้งไปก็ไม่ผิด คลิก:
ใครจะรู้ว่าหนังสือปกสุดคิวต์เล่มนี้ จะโอบกอดหัวใจเราได้ดีมาก เหมือนเพื่อนที่คอยรับฟังเราในวันที่ใจแหลกสลาย ถ้ากำลังรู้สึกว่า ‘จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง มันยากเหลือเกิน’ ขอให้ลองอ่านเล่มนี้
“แล้วมันจะผ่านพ้นไป” เป็นเหมือนไดอารีของนักเขียนที่บอกเล่าประสบการณ์ชีวิต ทั้งทุกข์ สุข ยากลำบาก และเจ็บปวด เพื่อที่จะเป็นพลังใจให้กับผู้อ่านต่อไป แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่นักเขียนอยากสื่อสารให้เรารับรู้ก็คือ ถ้ามีกำลังกายและใจมากพอในตอนนี้ อยากทำอะไรก็ทำเลยเถอะ
ที่เที่ยวที่อยากไป ชุดที่อยากใส่ ฝันที่อยากทำ ลงมือเลย อย่ารีรอจนมันสายเกินไป และมานั่งนึกเสียดายทีหลังเมื่อวันเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนานแล้ว
สั่งซื้อหนังสือ แล้วมันจะผ่านพ้นไป คลิก:
พอเห็นชื่อหนังสือก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมานิด ๆ อย่างบอกไม่ถูก บ่าที่หนัก ๆ ตึง ๆ ก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นบ้าง และเราก็เชื่อว่า ทั้งคนที่อยู่ในวัยเรียนและวัยทำงาน จะต้องอยากอ่านเล่มนี้
“ชีวิตน่ะไม่ต้องพยายามไปซะทุกเรื่องหรอกนะ” เป็นเล่มที่เขียนโดยจิตแพทย์ผู้เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน และได้ใช้เทคนิคในหนังสือเล่มนี้เยียวยารักษาตัวเองและผู้ป่วยทางใจมากว่า 1,000 คนให้หายขาดมาแล้ว
นอกจากเทคนิคดี ๆ ที่เราจะได้นไไปปรับใช้ให้ชีวิตสมดุลมากขึ้น หนังสือยังช่วยย้ำเตือนเราว่า เมื่อการพยายามมากไปทำให้เหนื่อยล้า และการทุ่มเททำเพื่อใครต่อใคร เรากลับไม่มีความสุขเอาเสียเลย ถึงเวลาแล้วที่ต้องมองหาวิธีพักและรักใจตัวเองให้เป็นบ้างนะ
สั่งซื้อหนังสือ ชีวิตน่ะไม่ต้องพยายามไปซะทุกเรื่องหรอกนะ คลิก:
จบกันไปแล้วกับเช็กลิสต์ 10 เล่ม หนังสือที่เหมาะกับคนที่กำลังหมดไฟและต้องการพลังใจอย่างเร่งด่วน ไม่รู้เหมือนกันว่าแต่ละเล่มจะทำงานกับใจแต่ละคนได้ดีแค่ไหน แต่หลัก ๆ ที่สำคัญกว่าการไล่ตามความฝันหรือการพยายามปลุกไฟแพสชันให้ลุกโชน คือการดูแลกายและใจตัวเองให้แข็งแรงเสียก่อน
แน่นอนละว่าตอนนี้ เพื่อน ๆ ชาว B2S Club อาจอยู่ในสภาวะยม แอบนอยแอบท้อกับชีวิตกันหลายคน แต่หากว่าเหนื่อยล้าจนไม่อยากทำอะไร ก็พักให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้ค่อยไปต่อ นานเท่าไหร่ก็ควรใจดีกับตัวเองและอดทนรอให้เป็น และหากว่าอยากประสบความสำเร็จเร็ว ๆ เหมือนคนอื่น แต่ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ยังไม่ไปถึงจุดนั้นเสียที ให้กลับมาตั้งหลักที่จุดเริ่มต้นก่อน ไม่ต้องรีบเร่งกับตัวเองมากไปนัก เดี๋ยวจังหวะดี ๆ ของเราก็มาถึงในสักวัน
ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าจะรู้สึกหมดไฟ ไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยชาร์จพลังแล้วไปต่อ B2S CLUB อยู่ตรงนี้เสมอนะ : )