B2S CLUB พารับมือกับภัยความเหงาและหนทางแห่งการเอาชนะมัน
เพราะพิษภัยของความเหงา มีผลเสียเทียบเท่าการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน!
บ่อยครั้งที่ความเหงาทำให้เรารู้สึกแย่ ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือผู้คนรอบตัว นั่นไม่ใช่การคิดไปเอง แต่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศแล้วว่า “ความเหงา” เป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่เร่งด่วนทั่วโลก โดยศัลยแพทย์ทั่วไปของสหรัฐฯ ระบุว่า ผลกระทบต่อการเสียชีวิตที่เกิดจากความเหงาเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ถึง 15 มวนต่อวัน รู้แบบนี้แล้ว...จะปล่อยให้ตัวเรานั่งเหงาให้ความเศร้ามันรุมเร้าหัวใจต่อไปไม่ได้!
B2S CLUB เลยอยากจะชวนชาวคลับทุกคนมาทำความเข้าใจความเหงาให้มากยิ่งขึ้น กับ “Project Unlonely” ภัยพิบัติแห่งความเหงาและการเอาชนะมัน หนังสือที่จะพาเราไปทำความเข้าใจอาการของความเหงา ประเภทของความเหงา รวมไปถึงวิธีรับมือกับความเหงาให้อยู่หมัด ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านรีวิวเล่มนี้กันเลย
เนื้อเรื่องย่อ
Project Unlonely คือ โครงการไม่แสวงหาผลกำไรที่เปิดตัวเพื่อพูดถึงปัญหาความเหงาเรื้อรังที่กำลังขยายในวงกว้าง ผู้เขียนได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความเหงาอย่างจริงจังและพบว่าผลเสียของมันมีมากมาย จึงได้เกิดเป็น Project ที่จะนำการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์มาใช้บำบัดความเหงา โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อ ได้แก่ เพิ่มการรับรู้ถึงอันตรายของความเหงาในวงกว้าง ลดโทษของมัน สร้างโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะนำศิลปะมาบำบัดโรคและความเจ็บปวดทางใจ ช่วยให้ผู้คนรู้สึกดีขึ้นและมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านการเปลี่ยนแปลงทั้งในสมอง ร่างกาย และพฤติกรรม รวมไปถึงเครือข่ายความสัมพันธ์อีกด้วย
โดยเนื้อหาในเล่มมีทั้งหมด 9 บทด้วยกัน เริ่มด้วยการพาเราไปทำความรู้จักกับความเหงา เช่น ความเหงาคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ความเหงามีกี่ประเภท มีอะไรบ้าง และผลกระทบของความเหงาที่ส่งผลเสียอย่างมากมายต่อทั้งสุขภาพกายและใจอย่างละเอียด อีกทั้งยังมีการเล่าถึงประสบการณ์และยกตัวอย่างให้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มีการนำงานวิจัยมาอ้างอิง เรียกได้ว่าเป็นการพูดถึงความเหงาแบบเจาะลึกกันเลยทีเดียวค่ะ
ข้อคิดที่ได้จากการอ่านเล่มนี้
คนส่วนมากมักมองข้ามอาการป่วยทางความรู้สึกที่เกาะกินหัวใจ จนมันลุกลามส่งผลให้เกิดผลเสียร้ายแรงตามมามากมาย อาจจะเป็นเพราะอาการเหล่านี้ “มองไม่เห็นด้วยตา” จึงมักถูกตัดสินว่าไร้สาระหรือคิดไปเอง หากแต่ปล่อยไว้นานวัน อาการเหล่านั้นจะยิ่งแย่ลง การทำความเข้าใจและพยายามเข้ารับการรักษารวมถึงการพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะช่วยให้เราสามารถก้าวข้ามผ่านภัยพิบัติแห่งความเหงานี้ได้ และเมื่อเรารู้เท่าทัน บวกกับพลังใจที่เข้มแข็งมากพอ ก็จะไม่มีความเหงาใดที่เราเอาชนะไม่ได้อีกต่อไป
ตัวอย่างข้อความในหนังสือ
“สัญญาณความเหงามักจะถูกเก็บไว้เพราะสังคมไม่ยอมรับ ความเหงาเป็นสิ่งที่คุณควรจะข้ามผ่านมาได้เองเหมือนที่เคยกลัวปีศาจใต้เตียงหรือกลัวความมืด”
“งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าขณะที่เรามีอายุมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากเพื่อนสนิทและคนที่รัก เราไม่จำเป็นต้องสุงสิงกับใครหลาย ๆ คนเหมือนตอนเด็ก ๆ”
“ปัญหาคือ ยิ่งคุณใช้เวลาสื่อสารกับคนในโลกออนไลน์มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเสี่ยงกับการสูญเสียทักษะในการเข้าสังคมอย่างอดทนอดกลั้น ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต้องมีในการตอบโต้กับคนจริง ๆ”
“เราไม่สามารถจัดการกับความเหงาได้อย่างยั่งยืนด้วยการทำให้คนอื่นโดดเดี่ยว”
“เมื่อจ้องมองจักรวาลที่ยิ่งใหญ่จากเรือลำน้อยที่ล่องลอยอยู่ เราต้องไม่ลืมว่าความกังวลของเราเป็นแค่เข็มในมหาสมุทร แม้ว่ากาแล็กซีจะโดดเดี่ยวแค่ไหน บ้านของเราที่เรียกว่าโลกยังมีหัวใจเป็นล้าน ๆ ดวงเต้นอยู่ มีทั้งจิตวิญญาณที่สร้างสรรค์ ความฝันที่ไม่มีขีดจำกัด เพราะเป็นที่ที่เหงาน้อยที่สุดในจักรวาลนี้”
ทำไมถึงควรอ่านเล่มนี้
ในปัจจุบัน การสื่อสารที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น กลับส่งผลเสียตามมามากมายต่อจิตใจและความรู้สึกของเรา แต่ละวันเราติดต่อกับผู้คนมากมายในโลกออนไลน์ แต่ทักษะการสื่อสารกับผู้คนในชีวิตจริงกลับสวนทางกัน ทำให้ความเหงาเข้ามากัดกินหัวใจเราได้ง่ายดาย ก่อเกิดเป็นอาการป่วยทางใจที่บางคนหาทางแก้ไม่ได้ การอ่านหนังสือเล่มนี้ จะช่วยทำให้เราเข้าใจไปถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ก่อให้เกิดความเหงา วิธีการรับมือกับมัน รวมไปถึงยังได้อ่านเรื่องราวความเหงาของผู้คนมากมายที่จะทำให้เราเข้าใจว่าเราไม่ได้เหงาอยู่คนเดียวบนโลกนี้ มีหลายคนกำลังประสบปัญหาเดียวกัน และกำลังอยากผ่านพ้นมันไปพร้อม ๆ กันกับเรา
เล่มนี้เหมาะกับใคร
เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ที่อยากจะทำความความเข้าใจความเหงาและอยากเอาชนะมัน ในเมื่อมันเกิดขึ้นได้ มันก็ต้องมีหนทางที่จะรับมือและกำจัดมันไปได้เช่นกัน แต่หากว่าเราไม่ได้รู้สึกเหงา แต่อยากจะอ่านเพื่อเป็นความรู้เอาไว้ให้คำปรึกษากับเพื่อน หรือคนรอบข้างที่กำลังประสบกับภัยความเหงา ก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการยื่นมือไปฉุดรั้งเพื่อนจากความเหงาได้เหมือนกันนะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ขอฝากข้อคิดและส่งกำลังใจไปให้ชาวคลับที่กำลังเหงาและอ่านบทความนี้อยู่ ว่าความเหงาและความเศร้าที่เกิดขึ้นในหัวใจเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่มีใครบนโลกที่ไม่เคยรู้สึกเบื่อ เศร้า เหงา เซ็ง แต่การรู้เท่าทันและรับมือกับมันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เรากลับมาเป็นตัวเองที่สดใสได้ในเร็ววัน ทั้งนี้ทั้งนั้น การรักและเข้าใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญขั้นพื้นฐานที่เราต้องมี เพราะว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่จะสามารถอยู่เคียงข้างเราได้ตลอดไป เราจึงควรเป็นคนที่รัก เข้าใจ และโอบกอดตัวเองให้อบอุ่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ