ทักทายน้อง ๆ หนอนหนังสือที่น่ารักทุกคนน้า ช่วงนี้หลายคนอาจจะเครียดเรื่องสอบ เรื่องคะแนนเก็บ หรือเรื่องการบ้าน ยิ่งถ้าน้อง ๆ ชั้นประถมคนไหนกำลังจะได้ก้าวขึ้นไปเป็นพี่ ๆ มัธยมต้นในเร็ว ๆ นี้แล้ว ก็ยิ่งตื่นเต้นกดดันกับการเตรียมความพร้อมเลยใช่ไหม บางคนต้องย้ายโรงเรียน ก็เกิดความกังวลว่าจะมีเพื่อนไหมนะ โรงเรียนใหม่จะเป็นยังไง ฯลฯ ในวันวันหนึ่ง เรามีเรื่องให้คิดมากมายสารพัดอย่างเลย
ขอแนะนำน้อง ๆ ว่า ต้องหางานอดิเรกมาเบรกให้ผ่อนคลายกันสักหน่อยนะ จะได้ไม่เครียดจนเกินไป ให้เวลาตัวเองได้มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัวบ้าง จะได้มีพลังกลับไปลุยเรื่องเรียนกันต่อแบบเต็มที่ไปเลย
แน่นอนว่าการได้อ่านหนังสืออ่านเล่นอย่างการ์ตูน นิทาน นิยายผจญภัยสนุก ๆ ก็คงเป็นงานอดิเรกที่น้อง ๆ นักอ่านหลายคนชื่นชอบ แต่วันไหนที่ทำการบ้านมาเยอะ ทบทวนการเรียนมาทั้งวัน มันก็มีล้ากันบ้าง บางทีก็ล้าจนแทบจะหลับคาหนังสือกันไปเลย ถ้าช่วงไหนว่าง ๆ อยากหาอะไรชิล ๆ สนุก ๆ ทำ แล้วต้องมาจดจ่อกับหนังสืออีก (ถึงแม้จะเป็นหนังสือที่เน้นอ่านเพื่อความสนุกก็เถอะ) มันก็มีอารมณ์ที่ไม่อยากอ่านอยู่เหมือนกัน
วันนี้ B2S CLUB เลยมีหนังสือน่าอ่าน 3 เล่มมาแนะนำน้อง ๆ วัยประถมกันโดยเฉพาะ บอกเลยว่าแต่ละเล่ม อ่านง่าย สนุก และไม่หนาเกินไป อ่านจบไว ไม่หลับคาหนังสือแน่ แถมยังได้กำลังใจ ได้ข้อคิดดี ๆ กลับไปด้วย จะมีเล่มไหนน่าสนใจ ไปอ่านรีวิวกัน!
เนื้อเรื่องย่อ: ใคร ๆ อาจจะคิดว่าเล่มนี้ เป็นหนังสือนิทานสำหรับเด็กเล็กเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ควรได้อ่านเล่มนี้นะ “ต่อให้ผมยุ่งฟูขนาดนี้ก็เถอะ” เป็นนิทานภาพที่เขียนโดยนักวาดและนักเขียนนิทานชื่อดังจากญี่ปุ่น ‘ชินสุเกะ โยชิทาเกะ’ (เล่มอื่น ๆ ของนักเขียนคนนี้ก็น่าอ่านทุกเล่มเลย) แม้ว่าเอกลักษณ์เด่น ๆ จะอยู่ตรงลายเส้นการ์ตูนกวน ๆ น่ารัก ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ เนื้อหาในเล่มที่ดูไม่เด็กเหมือนลายเส้นเลย แต่ละหน้าจะเล่าด้วยประโยคสั้น ๆ หนึ่งประโยค และมีภาพประกอบ อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที ไม่สลับซับซ้อน ซึ่งความซื่อตรงของประโยคที่สื่อสารแบบไม่อ้อมค้อมนี่แหละ ทำให้สามารถเข้าใจในสิ่งที่นักเขียนต้องการจะบอกเราอย่างตรงไปตรงมา
เนื้อหาในเล่ม เล่าถึงเรื่องราวของผู้คนมากมายที่อาจคล้ายกับน้อง ๆ หนู ๆ ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเด็กหญิงที่อยากเป็นนักร้องเมื่อโตขึ้น คุณตาที่พึ่งค้นพบสิ่งที่ตัวเองถนัดและทำได้ดีก็ตอนอายุเยอะซะแล้ว แล้วก็ยังมีเรื่องของตัวละครอื่น ๆ อีก ที่จะช่วยสอนน้อง ๆ (และผู้ใหญ่) ในเรื่องการยอมรับนับถือตนเอง การภูมิใจในสิ่งที่ตนเองเป็น การเข้าใจว่าชีวิตของเราไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เราสามารถพลาดพลั้งได้ ผิดหวังเสียใจได้ แต่ยังต้องเดินหน้าต่อไป การไม่นำชีวิตของตัวเองไปเปรียบเทียบกับชีวิตใคร การเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต รวมถึงการมีความสุข และมีความหวังกับสิ่งเล็ก ๆ ได้ในทุกวัน
ตัวอย่างข้อความในหนังสือ:
“ถึงยังไงสักวันฉันก็จะเป็นนักร้อง ต่อให้ผมยุ่งฟูขนาดนี้ก็เถอะ”
“ถึงยังไงฉันก็ทำเองได้แล้วในที่สุด ต่อให้ไม่เร็วเท่าคนอื่นก็เถอะ”
“ถึงยังไงฉันก็มีความทรงจำที่ดีไม่แพ้ใครเลยนะ ต่อให้คนที่ถ่ายรูปด้วยกันจะไม่อยู่แล้วก็เถอะ”
ทำไมถึงควรอ่านเล่มนี้ : สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังท้อกับการเรียน เครียดกับการสอบ อยากหาอะไรสบาย ๆ อ่าน เล่มนี้เหมาะเลย เพราะเนื้อหาไม่หนัก จำนวนหน้าไม่เยอะ แถมยังอ่านเพลินเพราะมีภาพประกอบน่ารัก ๆ ทั้งเล่ม และยังได้กำลังใจจากข้อความสั้น ๆ ที่ช่วยเยียวยาความรู้สึกให้เราพอยิ้มออกบ้างในวันเหงา ๆ ซึม ๆ บางเรื่องราวก็อาจทำให้น้อง ๆ มองเห็นตัวเอง หรือรู้สึกคุ้นเพราะเป็นสิ่งที่กำลังเป็น กำลังเจออยู่ และหลายเรื่องราวก็ทำให้เราได้คิดทบทวน นำสิ่งดี ๆ มาปรับใช้ พัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่เก่งขึ้นได้ด้วย
แถมความพิเศษของเล่มนี้ คือสามารถอ่านได้ทั้งจากด้านหน้าและด้านหลังด้วยนะ ลองเปิดอ่านแบบปกติจากหน้าไปหลังจนจบเล่มก่อน แล้วลองอ่านย้อนจากหลังมาหน้าดู จะสัมผัสได้ถึงความต่างเลยล่ะ ถ้าอยากรู้ว่าจะต่างกันยังไง ต้องไปหาซื้อมาอ่านแล้ววว
เนื้อเรื่องย่อ: น้อง ๆ คนไหนกำลังสับสนวุ่นวายใจกับเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน เรื่องครอบครัว หรือมีคำถามมากมายกับสิ่งรอบตัว เล่มนี้จะมาช่วยฮีลใจให้ดีขึ้นเอง PASSING THROUGH MY MIND เป็นหนังสือภาพสีสันสดใส ลายเส้นน่ารัก แค่มองรูปนาน ๆ ก็เหมือนจะหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการได้เลย เพราะรูปสวยมาก อ่านแล้วสบายใจสบายตา เหมือนได้อ่านนิทานสนุก ๆ แต่ละหน้ามาพร้อมคำบรรยายสั้น ๆ ชวนให้คิดตาม และบางเรื่องราวก็อาจให้คำตอบกับคำถามที่สงสัยอยู่ ไม่ว่าตอนนี้จะกังวลเรื่องอะไร มีอะไรที่เราสับสน ไม่เข้าใจ หนังสือเล่มนี้จะพาเราไปทำความเข้าใจ ตกตะกอนกับเรื่องเหล่านั้นแบบค่อยเป็นค่อยไปเอง
ตัวอย่างข้อความในหนังสือ:
“เราอาจคิดว่าเราต่างกัน จนพบความจริงว่าเราเหมือนกัน แต่เหลือเวลาไม่เท่ากัน”
“บางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งก็ล้มเหลว เพื่อประกอบเป็นเส้นทางของเธอ”
“เมื่อกำลังร้อน ให้รอเวลา เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเย็นลง”
ทำไมถึงควรอ่านเล่มนี้: เล่มนี้เป็นอีกเล่มที่ถ้าน้อง ๆ (หรือผู้ปกครอง) หยิบขึ้นมาอ่านยามว่าง ก็ไม่มีหลับแน่นอน เพราะด้านในเค้าเป็นภาพวาดการ์ตูนน่ารักสีสันสดใสตลอดทั้งเล่ม มีคำบรรยายสั้น ๆ ประกอบภาพที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน (แม้จะปรากฏเพียงข้อความไม่กี่ประโยคในแต่ละหน้า แต่คำเหล่านั้น แม้แต่ผู้ใหญ่เองถ้าได้อ่านก็ต้องรู้สึกสะกิดใจ และย้อนกลับมานึกทบทวนตัวเองได้ไม่น้อย)
หลัก ๆ แล้ว หนังสือเล่มนี้จะช่วยฝึกน้อง ๆ ให้เติบโตขึ้นอย่างเข้าใจ ได้ตระหนักรู้ถึงขีดจำกัดความสามารถของตัวเอง และไม่กดดันตัวเองว่าจะต้องเก่งที่สุด ต้องทำทุกอย่างออกมาให้ดีกว่าใคร สมบูรณ์แบบกว่าใคร และยิ่งน้อง ๆ คนไหนกำลังมีเรื่องกังวล กลัวการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามที่กำลังจะมาถึง เช่น การต้องเลื่อนชั้นเป็นพี่ ๆ วัยมัธยมต้น การต้องทำการบ้านที่ยากขึ้น การต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำอย่างการนำเสนองานหน้าชั้นเรียน หรือกระทั่งการต้องย้ายโรงเรียนด้วยเหตุจำเป็น แล้วจะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ ที่เคยสนิทกันอีก ฯลฯ ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงใดจะมาถึง เล่มนี้จะช่วยแนะนำน้อง ๆ ให้เข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ด้วยพลังบวก
เนื้อเรื่องย่อ: มาถึงเล่มที่เน้นบทบรรยาย ไม่เน้นภาพประกอบกันบ้าง กับ “ปิ๊ปปี้ ถุงเท้ายาว” วรรณกรรมเยาวชนขึ้นหิ้งคลาสสิกระดับโลก และเป็นเล่มที่เด็ก ๆ ควรได้อ่าน เพราะเป็นวรรณกรรมที่ช่วยจุดประกายให้เด็กทุกคน กล้าคิดกล้าทำ เป็นตัวของตัวเอง มีความกล้าหาญและความมั่นใจอย่าง ปิ๊ปปี้ เด็กหญิงจอมแก่นตัวเล็ก ๆ ผมสีแดงถักเปีย ที่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นเรื่องสนุกได้ นอกจากจะได้เห็นด้านดี ๆ สนุกสนานของเธอแล้ว พฤติกรรมบางอย่างที่ไม่น่ารักของปิ๊บปี้ ก็จะเป็นตัวอย่างที่ทำให้น้อง ๆ เห็นว่าไม่ควรทำตามด้วยเช่นกัน
เนื้อหาในเล่ม เล่าถึงเรื่องราวที่ ปิ๊ปปี้ อาศัยอยู่กับม้าและลิงในบ้านหลังหนึ่งโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแลหรือสั่งให้ทำโน่นทำนี่ พูดให้เข้าใจง่ายคือ ปิ๊บปี้ไม่ต้องไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่น ไม่ต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำ เพราะไม่มีใครมาคอยดุ คอยว่า ที่สำคัญคือ ปิ๊บปี้ยังเล่นละครสัตว์เก่งกว่านักแสดงมืออาชีพ เพราะปีนต้นไม้ไวเหมือนลิง แถมยังแข็งแรงบึกบึนด้วย เธอจะพกความกล้าความมั่นใจออกไปเสี่ยงอันตรายผจญภัยที่ไหนบ้าง ไปลุ้นในเล่มกันได้เลย (ในหนังสือชุดเดียวกัน “ปิ๊ปปี้ ถุงเท้ายาว" คือเล่มแรก “ปิ๊ปปี้ออกทะเล” คือเล่มที่สอง และ “ปิ๊ปปี้ผจญทะเลใต้” คือเล่มที่สามและเป็นเล่มสุดท้ายในชุด ใครอ่านเล่มแรกจบแล้ว ต้องต่อเล่มสองและเล่มสามแบบด่วน ๆ เลย)
ทำไมถึงควรอ่านเล่มนี้: เล่มนี้ถูกแปลไปเเล้วกว่า 77 ภาษา และขายไปเเล้วกว่า 70 ล้านเล่มทั่วโลก เท่านี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอแล้วล่ะที่น้อง ๆ ควรอ่าน นอกจากจะได้ความสนุกสนานตื่นเต้นแล้ว ก็ยังช่วยให้น้อง ๆ มองเห็นความกล้าหาญในตัวปิ๊บปี้ที่เราสามารถเอามาปรับใช้ให้ตัวเองเป็นคนที่เก่งขึ้นได้ และอะไรที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็ไม่ควรนำมาทำตาม แต่เหนือสิ่งอื่นใด คาแรกเตอร์ความแสบซนของปิ๊บปี้ก็ยังชนะใจนักอ่านทั่วโลกอยู่ดี อยากรู้ว่าสนุกขนาดไหนก็ต้องลองซื้อมาอ่านกันแล้ว
เป็นยังไงกันบ้าง กับลิสต์หนังสือน่าอ่าน หวังว่าจะถูกใจน้อง ๆ กันนะคะ เล่มแรกกับเล่มที่สองยังคงคอนเซปต์ความเป็นหนังสือภาพเพื่อให้ทุกคนได้สนุกกับการอ่านอะไรที่ย่อยง่าย ได้ใช้จินตนาการเต็มที่ และได้ซึมซับทั้งเนื้อหาดี ๆ และงานศิลปะสวย ๆ ไปพร้อม ๆ กัน ส่วนเล่มที่สาม เป็นวรรณกรรมเยาวชนระดับโลกที่บอกเลยว่าไม่ควรพลาดเพราะสนุกมากมากกกก (ลากเสียงยาวสุด ๆ)
โดยรวมแล้ว หนังสือทั้งหมดที่เอามาฝากน้อง ๆ กันวันนี้ เป็นหนังสือดี ๆ ที่นอกจากจะช่วยพัฒนาสมอง ฝึกให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการอ่านแล้ว ก็ยังเป็นหนังสือที่ดีสำหรับเด็ก ๆ ในแง่ของการเสริมสร้างกำลังใจให้แข็งแรง ช่วยให้น้อง ๆ เห็นความสำคัญของการมีความเชื่อมั่น มีความหวัง และมีความสุขในทุก ๆ วันด้วยเช่นกัน แล้วอย่าลืมแวะไปเติมกำลังใจกับหนังสือดี ๆ น่าอ่านได้ที่ร้าน B2S กันน้า