มัทฉะ คือชาเขียวชั้นดี ที่นิยมใช้ในพิธีชงชาของชนชั้นสูงในประเทศญี่ปุ่น มีกระบวนการเก็บเกี่ยวและการผลิตต่างจากชาเขียวทั่วไป ซึ่งก่อนเก็บเกี่ยวยอดอ่อนชาเขียวมัทฉะ 30 วัน เกษตรกรจะคลุมต้นชาไว้ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสารแอลธีอะนีน (L-Theanine) เป็นคาเทชิน (Catechin) ของใบชาเมื่อกระทบกับแสงแดด
กระบวนการผลิต มีกรรมวิธีการบดยอดอ่อนใบชาอย่างพิถีพิถัน โดยไม่คัดแยกกากใบชาออก บดจนได้ผงมัทฉะสีเขียวนวล ต่างจากชาเขียวทั่วไปที่เราต้องกรองใบชาออกก่อนดื่มน้ำชา การดื่มมัทฉะจึงได้รับประโยชน์จากใบชามาแบบเต็ม ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะได้รสขมค่อนข้างมาก ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกว่าดื่มยาก ดังนั้น เมนูที่เหมาะกับมัทฉะ จึงต้องมีการเติมนมลงไปด้วย เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้นกลายมาเป็นมัทฉะลาเต้ ที่นิยมรับประทานกันในปัจจุบัน
การดื่มมัทฉะ ไม่ได้ทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างการดื่มกาแฟ เหตุผลเพราะในมัทฉะประกอบไปด้วย แอล-ทีอะนีน ที่ช่วยชดเชยผลข้างเคียงจากคาเฟอีน และช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ผู้ดื่ม ความสดชื่นจึงอยู่กับผู้ดื่มได้นาน และยังช่วยให้ความจำและการจดจ่อดีขึ้นด้วย
มัทฉะแท้ มีแหล่งเพาะปลูกในนิชิโอะ และเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น หรือในภูมิภาคอูจิของเกียวโตที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเรื่องชาเขียว และเป็นที่รู้จักกันดีในญี่ปุ่น ในฐานะศูนย์กลางแห่งมัทฉะ โดยหากเทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้ว ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ผลิตผงมัทฉะที่มีคุณภาพมากที่สุด
ผงมัทฉะที่มีคุณภาพ หากสัมผัสแล้ว จะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล คล้ายกับของแป้งเด็กหรืออายแชโดว์ สีต้องมีสีเขียวสดใส ยิ่งสีเขียวยิ่งดี ส่วนมัทฉะที่มีเกรดรองลงมา มักจะมีสีเหลืองหรือออกไปทางสีน้ำตาล ในส่วนของกลิ่น จะมีความหอมหวานสดชื่น ซึ่งเกิดจากกรดอะมิโนสูง รสชาติมัทฉะในระดับพรีเมียมจะมีความกลมกล่อมกำลังดี มัทฉะเกรดที่รองลงมา จะมีรสขมและฝาด และนอกจากนี้ หากตีผงแล้วมีชั้นโฟมและฟองครีมอยู่ด้านบนสวยงาม นั่นแปลว่า เป็นผงมัทฉะที่มีคุณภาพแน่นอน
ดื่มมัทฉะทุกวันมีข้อดีนะ!
1. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวม LDL และไตรกลีเซอไรด์ พร้อมช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอล LDL จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
2. ชาเขียวมัทฉะมีส่วนผสมของคาเฟอีนประมาณ 3 เท่า หากเทียบกับชาเขียวประเภททั่วไป ให้พลังงานเทียบเท่ากับกาแฟ 1 แก้ว ส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานมากกว่าชาทั่วไป ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมี L-theanine ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ดี
3. มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน และใบชาเขียว มีสารช่วยรักษาระดับกรดที่ดีในช่องปาก หากคุณดื่มทุกวัน จะช่วยให้สุขภาพช่องปากดีขึ้น
4. ชาเขียวมัทฉะอุดมไปด้วยคาเทชิน (Catechins) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติที่มีอยู่มากกว่าใบชาทั่วไปถึง 137 เท่า และมีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์และการเกิดโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ปอด เต้านม และต่อมลูกหมาก
ชาเขียวมัทฉะ ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม หากบริโภคมากเกินไป จะส่งผลต่อร่างกายได้ เนื่องจากชาเขียวมัทฉะมีสารออกซาเลต (oxalate) สูง ซึ่งเป็นสารยับยั้งไม่ให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม ส่งผลให้ระดับแคลเซียมในปัสสาวะเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดนิ่วในไตได้ ชาเขียวมัทฉะมีคาเฟอีน ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง โรคไต โรคทางระบบประสาท รวมไปถึงโรคทางจิตเภท โรคลมชัก โรคระบบทางเดินอาหาร ลำไส้แปรปรวน ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เพราะคาเฟอีน อาจส่งผลให้อาการเจ็บป่วยแย่ลง
สรุปแล้ว ผู้ที่ไม่ควรดื่มมัทฉะ ได้แก่
1. ผู้ที่มีอาการท้องอืด
2. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
3. เด็กเล็ก
4. ผู้มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ
5. หญิงตั้งครรภ์
6. ผู้ป่วยโรคกระเพาะ
7. ผู้ป่วยโรคไต
8. ผู้ป่วยโรคหัวใจ