มนุษย์ทำงานสายครีเอทีฟคนไหน เคยทำงานแล้วมีฟีลเหนื่อยๆ ท้อๆ ไม่อยากทำอะไร หมดไฟกับสิ่งที่ทำบ้าง ? ถ้าเคยรู้สึกบ่อยครั้ง คุณอาจเผชิญภาวะ ‘Creative Burnout’
‘Creative Burnout’ เป็นอาการที่เกิดได้กับทุกคน ซึ่งแต่ละคน จะมีอาการที่แตกต่างกันไป บางคนอาจเหนื่อยหน่าย รู้สึกหงุดหงิด หรือบางคน อาจรู้สึกว่าทำงานหนักเงินไป ไม่มีแรงใจจะแสวงหาความครีเอทีฟใหม่ๆ ซึ่งโดยรวมแล้ว ‘Creative Burnout’ ก็คืออาการขาดแรงจูงใจทำอะไร ไอเดียหมด ถึงจุดที่ความคิดสร้างสรรค์มาถึงทางตัน
ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีอาการนี้และรู้สึกเหนื่อย ตัน ไม่มีกำลังใจทำอะไรใหม่ๆ แต่บอกเลยว่า ความคิดสร้างสรรค์มันอยู่รอบตัวเราแบบไม่มีทางหายไป แต่ต้องพยายามหามันให้เจอ วันนี้ B2S Club จะพามา Reconnenct ทุกคนกับไอเดียใหม่ๆ หมดปัญหา Burnout อีกต่อไป!
8 ทิปส์ เมื่อเกิด Creative Burnout
นี่อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทุกคนอยากทำ เพราะงานกำลังมันส์ๆ หรือเพิ่งเริ่มทำโปรเจ็คต์ แต่ถ้าเกิดรู้สึกท้อ หมดไอเดียเมื่อไหร่ การพักสักแป๊บ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ลองออกจากงาน มาทำอะไรเบาสมอง เช่น เดินเล่น ฟังเพลง หรืองีบ เพื่อให้ตัวเองออกห่างจากงาน เมื่อใจเราไม่ต้องฝืน เหนื่อยก็พัก เบื่อก็พอ ค่อยกลับไปทำต่อแบบสมองเฟรช Creative Burnout ก็จะหายไป แถมได้งานที่มีประสิทธิภาพดีกว่าด้วย
ทำงานสมัยนี้ ยังไงก็ต้องขลุกอยู่ในโลกออนไลน์ บ้างก็หาไอเดียใหม่ๆ บ้างก็ติดตามเรื่องราวทั่วไป อัปเดตให้ทันโลก แต่รู้มั้ย..การอยู่ในโลกออนไลน์มากเกินไป ยิ่งทำให้หมดไฟเร็ว เพราะเรามักจะเจอสิ่งยั่วยุ สิ่งที่ทำให้ท้อ ยิ่งอ่านยิ่งดู ก็ยิ่งเครียด ทางที่ดี ลองหาเวลาอยู่กับโลกความจริงบ้าง ออกห่างจากโทรศัพท์ ออกไปเดินเล่น เล่นดนตรี ถ่ายรูปกล้องฟิล์ม หรือวาดรูป กลับไปทำอะไรเบสิก ปิดแจ้งเตือน ทำใจให้โล่งๆ แล้วมา reconnect กับความครีเอทีฟอีกครั้ง
ลองทำอะไรใหม่ๆ ดู! ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นพวกที่ใหม่ไปเลยอย่าง บันจี้ จัมพ์ หรือ sky diving (เว้นแต่ว่าอยากเติมอะดรีนาลีนให้ร่างกาย ก็เอาเลย!) แต่เราอยากให้ทุกคนได้ลองทำอะไรที่ปกติไม่ทำ เช่น ไม่เคยทำอาหาร ก็ลองทำเมนูสูตรง่ายๆ หรือเทคคอร์สเรียนทีไม่เคย เช่น งานปั้น งานศิลปะอื่นๆ การทำสิ่งพวกนี้ ไม่จำเป็นว่าต้องทำได้ดี ทำได้เพอร์เฟ็กต์ แค่เราได้ลองทำ เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้บทเรียนเพิ่มเติมจากกิจวัตรที่เคยทำ รับรองว่า ระหว่างทาง ต้องได้ความคิดสร้างสรรค์เจ๋งๆ เกิดขึ้นบ้างแน่นอน
บางครั้ง เราก็ให้ขีดจำกัดความคิดสร้างสรรค์ของเราเกินไป เช่น ‘สิ่งนี้มันสำหรับเด็กนี่ อย่าไปทำเลย’ การได้ทำอะไรสร้างสรรค์ ไม่มีวันจำกัดอายุ ลองเลือกทำสิ่งที่คิดว่า ‘แก่เกินกว่าจะทำ’ ดูสิ เช่น เปเปอร์มาร์เช่ ระบายสีตามตัวเลข ใช้นิ้วระบายสี แล้วปลุกความเป็นจิตรกรน้อยในตัวคุณออกมา ลองสร้างสรรค์ศิลปะที่คิดว่าเด็ก ในสไตล์ของคนที่โตแล้ว กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ออกมาจากสิ่งเล็กๆ แบบนี้แหละ ดี!
การนั่งสมาธิ ไม่ใช่แค่การนั่งหลับตาบนพื้นและจุดธูป แต่มันคือการต้องโฟสกัสที่ปัจจุบันและลมหายใจของเรา ซึ่งการทำสมาธิ มีประโยชน์มากมายในการช่วยสร้างความครีเอทีฟ ลองหาเวลาสัก 5 – 10 นาที หรือจะสักชั่วโมงก็ได้ ทำสมาธิกับตัวเอง เปิดเพลงคลอเบาๆ ให้สมองปลอดโปร่ง เพื่อเพิ่มสติ และพัฒนาความคิดให้ดีขึ้น
ถ้าคุณหาเหตุผลที่จะอู้ไปดูหนัง เดินหอศิลป์ หรือเข้าชมนิทรรศการงานอาร์ตต่างๆ นี่แหละคือข้ออ้าง! การออกไปสัมผัสงานศิลปะของคนอื่น ในรูปแบบอื่นๆ จะยิ่งช่วยทำให้คุณได้เปิดโลก ไม่ต้องเปรียบเทียบหรอกว่าคนอื่นเขาทำงานอาร์ตกันแบบไหน เพียงแค่เปิดใจดู ให้ตัวเองได้เห็นสิ่งใหม่ๆ เดี๋ยวไอเดียก็กลับมาพลุ่งพล่านเอง!
ไม่ว่าใครๆ ครีเอทีฟหรือศิลปินคนไหน ก็ต้องเคย Burnout กันทั้งนั้น ถ้าเริ่มมีอาการปุ๊บ ลองหาดูหนังหรือสารคดี หรืออ่านหนังสือ ของศิลปินคนที่ชอบ และนำเรื่องราวของเขามาเป็นแรงบันดาลใจ ให้ประสบการณ์ของพวกเขาเป็นบทเรียน หรือใครที่มีคนรอบตัวเคยมีอาการ Creative Burnout และผ่านมันมาได้แล้ว ก็อย่ากลัวที่จะขอคำแนะนำจากพวกเขา การเรียนรู้ที่ดีและง่ายอีกวิธี ก็คือการเรียนจากเรื่องราวของคนอื่นนี่แหละ แต่ไม่จำเป็นว่า ต้องทำตามเขาไปหมด ลองนำมาปรับใช้กับตัวเองให้ได้นะ
หาทำอะไรที่ท้าทายตัวเองจากเดิม เช่น ปกติใช้แปรงวาดรูปถึง 3 อัน ลองชาเลนจ์ตัวเองด้วยการวาดรูปแบบต่อเนื่องไม่พักด้วยแปรงด้ามเดียว หรือจะลองสร้างงานใหม่ใน 3 นาที หรือทำงานอาร์ตที่มีคอนเซ็ปต์สุด random จากหนังสือ ที่เราเบื่อก็เพราะทำแต่อะไรเดิมๆ ดังนั้น ลองท้าทายให้ตัวเองเจออะไรใหม่ๆ ให้หัวใจรู้สึกตื่นเต้น เพราะการท้าตัวเองนี่แหละ สนุกสุดแล้ว นอกจากการได้ออกจากคอมฟอร์ตโซน เชื่อว่า จะได้ไอเดียการทำงานในแบบใหม่ๆ ในเวย์ที่สนุกขึ้นแนนอน
หวังว่า Tips ทั้ง 8 ข้อที่เรานำมาฝากกัน จะช่วยทำให้อาการ Creative Burnout ที่ทุกคนเป็น ดีขึ้นน้า
ลองเลือกไปใช้ดูเลย ว่าวิธีไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด และถ้าทุกคนรู้สึกเป็นมากกว่าอาการเบื่อ ท้อ หงุดหงิดกับการ
ทำงาน ลองปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมจะดีกว่านะ ก่อนที่จะกลายเป็นอาการอื่นที่สายเกินแก้