ลูกดื้อ เอาแต่ใจ ผิดไม่ยอมรับ เถียงไม่หยุด! เล่นเอาคุณแม่นางฟ้าแปลงร่างเป็นนางยักษ์ อยากตีลูกสักเปรี๊ยะจะผิดไหม
หลายคนคิดว่าการตีเป็นการสั่งสอน ตักเตือนด้วยความรักเพื่อลงโทษเมื่อลูกทำสิ่งไม่ดี อีกทั้งรู้สึกว่าตอนเด็ก ๆ พ่อแม่เองก็เคยโดนตีมาก่อน ไม่น่าจะเสียหายตรงไหน กระทั่งมีการผลิตซ้ำวาทกรรม “ได้ดีเพราะไม้เรียว”
แม้การตีหยุดพฤติกรรมแย่ ๆ ของลูกได้ทันที แต่กลับทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดไว้ให้ลูก ทั้งรอยแดงบนร่างกาย และรอยแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจลูก ส่งผลให้พ่อแม่ได้รับการตอบสนองในเชิงลบตามมา แทนที่ลูกจะเชื่อฟัง ดังคำกล่าวที่ว่า “ยิ่งตี ลูกยิ่งดื้อ” เป็นเพราะอะไร ตามมาหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ทำไมการตีลูก ทุกอย่างจึงแย่ลง
การไม่ตีลูกไม่ได้แปลว่าพ่อแม่จะลงโทษไม่ได้ แต่การตีเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่งที่ฝ่ายตีใช้กำลัง และอารมณ์เชิงลบ เช่น โกรธ ผิดหวัง หรือเสียใจ กระทำไปยังอีกฝ่าย เมื่อลูกโดนตีก็รู้สึกเจ็บ กลัว จึงหยุดหรือไม่ทำสิ่งนั้นอีก แต่ลูกไม่ได้เข้าใจว่า “ทำไมต้องหยุดทำ” และ “ควรทำอย่างไรดี” ขณะเดียวกันลูกจะรับรู้เพียงว่า ถ้าพ่อแม่ทำหน้าตาขมึงตึง เสียงดัง ยกมือสูง หรือถือไม้ เขาจะเจ็บตัว
งานวิจัยจากต่างประเทศหลายแห่งพบว่า เด็กที่ถูกตีบ่อย ๆ ตั้งแต่ยังเล็ก จะมีพฤติกรรมก้าวร้าว ต่อต้าน แม้อายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น แต่เมื่อโตขึ้นมาจนถึง 2 ขวบจะยิ่งก้าวร้าวขึ้นและเรียนรู้ช้าลง
นอกจากนี้เด็กในช่วงวัยเรียนรู้ จะเลียนแบบพฤติกรรมพ่อแม่ และจดจำความรุนแรงนี้ไปใช้เมื่อโตขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกแย่ลง เมื่อเป็นเช่นนั้นพ่อแม่มีแนวโน้มที่จะตีบ่อยขึ้น แรงขึ้น หรือลงโทษรุนแรงมากขึ้นไปเรื่อย ๆ สวนทางกับพฤติกรรมของลูกที่ถดถอยลง กลายเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตนเอง ขาด self-esteem และลดคุณค่าของตัวเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นคนเครียดง่าย ถูกกดดันได้ง่าย และนำไปสู่โรคซึมเศร้าในอนาคต
เลี้ยงลูกด้วยสติ Mindful Parenting
หนังสือคู่มือพ่อแม่ที่ไม่เพียงแค่ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกให้ได้ดีเท่านั้น แต่ยังแนะนำวิธีการรับมือต่อสภาพอารมณ์ของพ่อแม่ เพื่อช่วยให้พ่อแม่มีโอกาสหยุดยั้งชั่งใจและตั้งสติได้ เวลาที่กำลังเผลอกับความไม่พอใจ หงุดหงิด แล้วกลับมาทำตามหลักการและวิธีการเลี้ยงลูกในแบบที่ถูกที่ควร คลิก
เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ วัยไหนก็ได้ดี
เมื่อลูกน้อยเข้าสู่ "วัยรุ่น" พวกเขาได้ก้าวเข้าสู่วัยที่เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในชีวิต หนังสือเล่มนี้รวบรวมบทความเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการมีเวลาให้ลูก เข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่น สอนให้มีวินัย สอนลูกเรื่องเพศและการรู้หน้าที่ตัวเอง รวมถึงคำแนะนำในการพูดคุยกับวัยรุ่นเมื่อเกิดปัญหาด้วย เพราะ “เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ วัยไหนก็ได้ดี" ขอให้พ่อแม่เปิดอ่านด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง คลิก
เลี้ยงลูกให้เป็นคนเก่ง
เพราะพ่อแม่มีเวลาที่ลูกจะอนุญาตให้เลี้ยงจริง ๆ เพียงสิบปีเท่านั้น!! ใช้ให้คุ้มค่า เลี้ยงให้ถูกวิธี แล้วลูกคุณจะเป็นคนเก่ง
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าวิธีเลี้ยงลูกที่เป็นจริง เล่าเรื่องแบบแผนการเลี้ยงลูก การสื่อสาร และทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่ลูกควรมี มากกว่าจะทุ่มทุนสร้างให้ลูกเรียนเก่งที่สุดเพียงวิธีเดียว คลิก
เลี้ยงลูกเชิงบวกของหมอเสาวภา
หนังสือเล่มนี้เน้นการเลี้ยงดูที่มุ่งพัฒนาสมองลูก ให้ได้เรียนรู้การเข้าใจตนเอง เรียนรู้การฟังเหตุผลของคนอื่น เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ละเมิดกฎกติกา มีทักษะทางสังคม ไม่แกล้งเพื่อนและไม่โดนเพื่อนแกล้ง แก้ปัญหาได้อย่างมีวิจารณญาณ และสิ่งสำคัญที่สุด คือ การสร้างสัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่ลูกที่ดี มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความหมายของการเลี้ยงลูกเชิงบวก คลิก
เลี้ยงลูกแบบไม่ดราม่า
หนังสือเล่มนี้จะแนะนำกลวิธีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ให้เหมาะกับสมองของเด็กทุกเพศวัย ใช้วิธีการอธิบายที่เรียบง่าย พร้อมภาพการ์ตูน และคำแนะนำที่สามารถปฏิบัติได้จริง พร้อมให้คำแนะนำสำหรับรับมือกับการแผลงฤทธิ์ ความตึงเครียด และน้ำตา โดยไม่สร้างฉากดราม่าใด ๆ เพื่อให้การเลี้ยงลูกมีประสิทธิภาพที่สุด คลิก