ปลายฝนต้นหนาว เป็นฤดูกาลที่หลายครอบครัววางแผนไปท่องเที่ยวนอกบ้าน แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ลูกเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคระบาดมากมาย โดยเฉพาะโรคมือเท้าปากซึ่งพบผู้ป่วยเด็กจำนวนมากในปีนี้ ชวนคุณพ่อคุณแม่มารู้จักโรคนี้ให้มากขึ้น เพื่อหาทางป้องกันและวิธีรักษาก่อนที่ลูกต้องป่วยหนัก
มือเท้าปากไม่ใช่โรคผิวหนัง
แม้ว่าโรคมือเท้าปากจะตรวจพบเมื่อแสดงอาการทางผิวหนังเป็นส่วนใหญ่ เช่น ตุ่มบนผิวหนัง ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และรอยแผลแดงในช่องปาก แต่โรคนี้ไม่ใช่โรคผิวหนัง ทว่าเกิดจากการได้รับเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเตอโรไวรัส ต้นเหตุของโรคมือเท้าปากและเฮอร์แปงไจน่า ซึ่งติดต่อได้ง่ายมากในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะภูมิต้านทางของร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ แค่เพียงไอ จาม ดื่มน้ำ กินอาหาร หรือสัมผัสของเล่นที่มีเชื้อโรคอยู่ก็ทำให้ลูกน้อยติดเชื้อได้ทันที
อาการเบื้องต้นของโรคมือเท้าปากคล้ายกับไข้หวัด มักมีไข้สูงราว 38 – 39 องศาเซลเซียส จากนั้นเริ่มมีอาการอื่นตามมา ได้แก่ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย บางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย อาการของโรคจะชัดเจนขึ้นเมื่อเริ่มมีตุ่มใส ตุ่มหนอง ผื่นแดงขึ้นบนบริเวณมือ เท้า ริมฝีปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม หรือเป็นแผลในช่องปาก ที่ทำให้เด็ก ๆ เจ็บปวดมาก ไม่สามารถดูดน้ำ หรือกินอาหารได้ตามปกติ
โรคมือเท้าปากไม่มีอาการรุนแรง เพียงดูแลรักษาตามอาการก็จะหายเองได้ใน 10 วัน อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด กรณีมีไข้สูงอาจเกิดภาวะชัก ภาวะขาดน้ำ หรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอย่างก้านสมองอักเสบ ซึ่งเกิดได้น้อยมาก แต่ก็ยังเป็นอันตรายต่อชีวิต หากพบว่าลูกมีอาการซึมลง หายใจถี่ หอบเหนื่อย ชักเกร็ง หมดสติ หรือมือสั่น ขาสั่น เดินเซ ควรรีบพาไปพบแพทยัทันที
เมื่อเชื้อมือเท้าปากรุนแรงขึ้น ต้องระวัง!
ตามปกติโรคมือเท้าปากมักระบาดในช่วงฤดูฝน แต่ปีนี้กลับมีเด็กที่เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงช่วงต้นฤดูหนาว และมีอาการค่อนข้างรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากติดเชื้อที่รุนแรงกว่าเดิมอย่างเชื้อ enterovirus 71 หรือ อีวี 71 ซึ่งจู่โจมการทำงานของระบบทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิต และสมอง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระบบประสาทส่วนกลาง และภาวะหัวใจล้มเหลว จนเป็นอันตรายต่อชีวิต ส่วนใหญ่เชื้อดังกล่าวมักพบในเด็กที่ป่วยด้วยโรคมือเท้าปาก อายุต่ำกว่า 2 ขวบ
แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลไป เพราะมีวัคซีนป้องกันเชื้อ อีวี 71 สำหรับบรรเทาอาการรุนแรงจากโรคมือเท้าปากได้แล้ว เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือน – 5 ขวบ โดยต้องได้รับวัคซีน 2 เข็ม มีระยะห่างจากเข็มแรก 1 เดือน สามารถฉีดได้ทั้งเด็กที่ยังไม่เคยติดเชื้อและเคยติดเชื้อมาก่อน ซึ่งหายดีแล้วประมาณ 1 เดือน
แม้จะฉีดวัคซีนป้องกันแล้ว แต่เด็กยังมีโอกาสเป็นโรคมือเท้าปากจากเชื้อโรคชนิดอื่นได้อีก ดังนั้นวิธีป้องกันโรคร้ายที่ดีที่สุดคือ การดูแลร่างกายของลูกให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่คนพลุกพล่าน และหมั่นสังเกตอาการป่วยของลูกอย่างใกล้ชิดในช่วงที่โรคระบาด
6 วิธีรับมือโรคมือเท้าปากระบาดให้อยู่หมัด
1. ใส่หน้ากาก
โรคนี้ติดต่อได้ง่ายผ่านการไอ จาม การสอนให้ลูกใส่หน้ากากจึงเป็นวิธีช่วยป้องกันเชื้อโรคได้อีกทางหนึ่ง เมื่อต้องอยู่ในสถานที่พลุกพล่าน คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกซื้อหน้ากากให้เหมาะกับวัยของลูกน้อย ใส่สบาย ไม่อึดอัด วัสดุต้องไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้ลูกใส่หน้ากากได้ง่ายขึ้น คือการเลือกลวดลายที่ลูกชอบ ลวดลายการ์ตูนน่ารัก ๆ หรือมีสีสันสดใส
หน้ากากลาย Little Twin Star
หน้ากากอนามัยคุณภาพดี ดีไซน์พิเศษ หนา 3 ชั้น สามารถกรองฝุ่นละออง PM2.5 และมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก 0.3-0.1 ไมครอนได้ดี ไม่ระคายเคืองต่อผิว น้ำหนักเบา ตัวหน้ากากไม่แนบติดริมฝีปาก ทำให้หายใจได้สะดวก ผลิตจากวัสดุเกรดดีเกรดเดียวกับที่ใช้ทางการแพทย์ นุ่มพิเศษ และสะดวกสบาย ไม่อึดอัด
หน้ากากลาย BAD BADTZ-MARU
หน้ากากทรง 3D แนบหน้าไม่หลุดง่าย ใส่สบาย ไม่อึดอัด มีเลเยอร์กรองด้านใน สินค้าคุณภาพดี ประสิทธิภาพในการกรองแบคทีเรีย (BFE) > 99.9% ออกแบบพิเศษ 3 ชั้น แถมยังช่วยป้องกันฝุ่นและควันจากรถยนต์ได้ด้วย
2. ล้างมือบ่อยๆ
การล้างมือบ่อย ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ลูกปลอดภัยจากโรคมือเท้าปากได้ เพราะเด็ก ๆ มักหยิบจับสิ่งของ และเผลอเอาเข้าปาก หรือเอามือป้ายหน้าตา เชื้อโรคก็จะเข้าร่างกายได้ทันที ดังนั้นควรสอนให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ จนติดเป็นนิสัย โดยล้างด้วยสบู่นาน 2 นาที ควรเลือกสบู่ที่อ่อนโยนกับผิวของเด็กเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
สบู่โฟมล้างมือฆ่าเชื้อโรค เนื้อโฟมนุ่ม ล้างง่าย อ่อนโยนต่อผิว มีกลิ่นหอม ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว
3. ดูแลที่พักอาศัยให้สะอาด
นอกจากป้องกันเชื้อโรคจากนอกบ้านแล้ว การดูแลบ้านให้สะอาด เช็ดทำความสะอาดบ่อย ๆ ก็ช่วยป้องกันการสะสมเชื้อโรคมือเท้าปากได้ เพราะนอกจากเชื้อจะมาจากตัวเด็กเองแล้ว ยังติดมากับเสื้อผ้าหรือของใช้ของคนในบ้านเช่นกัน
สเปรย์ปรับอากาศให้บ้านหอม สดชื่น และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ด้วยนวัตกรรมจากธรรมชาติ ช่วยปรับอากาศให้สะอาด หอม สดชื่น ช่วยลดอาการคัดจมูกได้ สามารถใช้ได้ทุกที่ในบ้าน สำนักงาน คลินิก โรงพยาบาล รถยนต์หรือห้องน้ำสาธารณะ
4. เพิ่มเกราะป้องกันสุขภาพให้ลูก
นอกจากการกินอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และอยู่ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกแล้ว บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูกน้อยไปยังสถานที่มีคนพลุกพล่าน หรือเดินทางไปเที่ยวที่อากาศเปลี่ยนแปลงจากเดิม จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยป้องกันสุขภาพอีกขั้นหนึ่ง
นาซัลลีซ ทราเวล สเปรย์พ่นจมูกชนิดผง มีคุณสมบัติดักจับ ป้องกัน และลดฤทธิ์ไวรัส ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ
มีลักษณะเป็นผงสเปรย์เมื่อพ่นเข้าในจมูกแล้วจะเป็นเปลี่ยนเป็นเจลดักจับป้องกันเชื้อโรค ไวรัสในอากาศ ไม่ให้เข้าเยื่อบุจมูก สามารถใช้ได้กับเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป รวมถึงคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร
5. อัพเดทความรู้อยู่เสมอ
เพราะโรคภัยมักแวะเวียนมาหาเด็ก ๆ อยู่เสมอ และมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นมากมายทุกวัน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องเติมความรู้อยู่เสมอ เพื่อให้รู้เท่าทันสาเหตุ อาการของโรค และวิธีดูแลหากลูกป่วยจากโรค
หนังสือ ‘เลี้ยงลูกให้ไกลโรค’ เล่มนี้ ได้รวบรวมเรื่องโรคภัยในวัยเด็กไว้ ทันยุคสมัย และตรงตามหลักการแพทย์ เนื่องจากเขียนโดยกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชื่อดัง ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ เจ้าของเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ เพื่อดูแลสุขภาพลูกน้อยให้แข็งแรง ห่างไกลจากโรค