การทำ Portfolio หรือแฟ้มสะสมผลงาน เพื่อยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ถือเป็นด่านสำคัญด่านแรกที่น้อง ๆ ต้องฝ่าฟัน หลายคนทุ่มเทเวลาและพลังงานไปกับการรวบรวมผลงาน แต่รู้หรือไม่ว่า… กรรมการมีเวลาในการตรวจ Portfolio แต่ละเล่มเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
จะทำอย่างไรให้ Portfolio ของเราโดดเด่น น่าสนใจ และดึงดูดให้กรรมการเปิดดูจนจบครบทุกหน้า ? ยิ่งสนามสอบ T-CAS รอบ Portfolio คือสมรภูมิที่วัดกันด้วยความโดดเด่น บอกเลยว่าพอร์ตดีคือมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่พอร์ตธรรมดาใคร ๆ ก็มี ใคร ๆ ก็ทำได้ การจะทำให้คณะกรรมการเปิดดูผลงานของเราตั้งแต่หน้าแรกจนจบ และตัดสินใจเลือกเราเข้าเรียนนั้น ต้องอาศัยเทคนิคเฉพาะตัว
B2S Club รวบรวม 9 เคล็ดลับสุดปังในการทำ Portfolio เข้ามหาวิทยาลัย ที่จะเปลี่ยนพอร์ตของน้อง ๆ DEK69 ให้กลายเป็น ใบเบิกทางสู่มหาวิทยาลัยในฝันได้จริง เตรียมพร้อมและสร้าง Portfolio ที่กรรมการต้องหยุดดูพร้อมกันได้เลย!
นี่คือ 9 เคล็ดลับที่ทำให้ Portfolio ของน้อง ๆ โดดเด่น กรรมการสะดุดตา เปิดดูเพลิน จนลืมไม่ลง!
หัวใจสำคัญของการสร้าง Portfolio ที่สะดุดตา คือการออกแบบที่สื่อสารตัวตนและความมุ่งมั่นของเราให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของคณะ/สาขาที่เราสมัคร การออกแบบต้องไม่ใช่แค่สวย แต่ต้อง "ใช่" ในสายตาของกรรมการ
เน้นความเชื่อมโยงผ่านองค์ประกอบหลัก การออกแบบโดยรวมต้องสื่อถึงคณะ/สาขาที่จะเข้า ตั้งแต่โทนสี ฟอนต์ ไปจนถึงการจัดวางข้อมูล
นอกจากนี้ ควรใช้ Font ที่อ่านง่ายและสื่อสารได้ หน้าที่หลักของ Font คือการทำให้อ่านง่าย หลีกเลี่ยง Font ที่มีลายเยอะหรือหวือหวามากเกินไป เพราะจะทำให้กรรมการรู้สึกเหนื่อยในการอ่าน ควรใช้ Font ตระกูล Sans-Serif (เช่น Kanit, Prompt, Sukhumvit) สำหรับเนื้อหาหลัก เพราะอ่านง่ายบนหน้าจอ และใช้ Font ตระกูล Serif (เช่น Angsana, Sarabun) สำหรับพาดหัว หรือเน้นย้ำข้อความที่ต้องการความน่าเชื่อถือแบบทางการ
ในโลกของการแข่งขันที่กรรมการต้องตรวจ Portfolio จำนวนมหาศาล คำว่า "Less is More" จึงเป็นกฎเหล็กที่น้อง ๆ ต้องจำให้ขึ้นใจ การยื่น Portfolio ที่หนาเตอะไม่ได้หมายความว่าเรามีผลงานเยอะ แต่หมายความว่าเราขาดทักษะในการคัดเลือกและนำเสนอสิ่งที่สำคัญที่สุด
กำหนดกรอบ: มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มักกำหนดจำนวนหน้าไว้ (เช่น ไม่เกิน 10 หน้า ไม่รวมปก) หากไม่ได้กำหนด ควรทำให้กระชับ ไม่เกิน 15-20 หน้า (รวมปก)
ตัดน้ำออก: อย่าใส่ทุกกิจกรรมที่เคยทำ เน้นเฉพาะผลงานที่ ตรงกับคุณสมบัติของคณะมากที่สุด หรือเป็นกิจกรรมที่โดดเด่นระดับประเทศ/นานาชาติ
การจำกัดจำนวนหน้าและเนื้อหาอย่างชาญฉลาด จะช่วยให้ Portfolio ของน้อง ๆ เปรียบเสมือน หนังสือเล่มเล็กที่เต็มไปด้วยเนื้อหาสุดเข้มข้น ที่กรรมการสามารถเข้าถึงและประทับใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เนื่องจากกรรมการมีเวลาจำกัดมาก หน้าแรกถัดจากปก (หรือหน้ารองจากสารบัญ) จึงเปรียบเสมือน บทสรุปของ Portfolio ทั้งเล่ม เป็นโอกาสทองที่จะต้อง "คว้าความสนใจ" ของกรรมการให้ได้ภายใน 30 วินาทีแรก
สร้างหน้าแนะนำตัวที่มีรูปถ่ายที่ชัดเจน ดูเป็นมิตร และมีความเป็นมืออาชีพ รูปถ่ายที่ดีจะช่วยสร้างความประทับใจแรกที่น่าจดจำ
แทนที่จะเขียนประวัติแบบยืดเยื้อ ให้ใส่ประโยคสรุปความสามารถหรือความมุ่งมั่นที่โดดเด่นที่สุดของเราไว้ด้านบนสุด (คล้าย Elevator Pitch)
สรุปว่าเราคือใคร มีจุดแข็งอะไรที่เชื่อมโยงกับคณะนี้ และทำไมคณะถึงควรเลือกเราอย่างกระชับที่สุด
สรุปภาพรวมในทันที ใช้สัญลักษณ์ หรือ Infographic สั้น ๆ สรุปข้อมูลสำคัญที่กรรมการต้องการทราบทันที โดยไม่ต้องไปค้นหาในหน้าลึก ๆ ข้อมูลที่ควรใส่ในหน้าแรก
การใช้ Infographic และตัวเลข จะช่วยให้กรรมการประเมินศักยภาพของเราได้อย่างรวดเร็ว และกระตุ้นให้อยากพลิกหน้าต่อไปเพื่อดูรายละเอียดของผลงานที่นำมาประกอบนั่นเอง
Portfolio ที่ดีไม่ใช่แค่แฟ้มรวบรวมเอกสาร แต่คือ หนังสือชีวประวัติฉบับย่อ ที่เล่าเรื่องราวการเดินทางของน้อง ๆ ไปสู่คณะที่ใฝ่ฝัน การจัดลำดับเนื้อหาจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่กำหนดว่ากรรมการจะอ่านต่อไปหรือไม่
กฎทองของการนำเสนอผลงานคือการใช้กลยุทธ์ The Hook โดยให้นำเสนอ "สิ่งที่ดีที่สุด" หรือ "สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคณะมากที่สุด" ไว้ในหน้าแรก ๆ ของส่วนผลงานเสมอ ไม่ใช่เรียงตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น หากสมัครคณะวิศวกรรมศาสตร์ การนำเสนอ โครงงานวิจัยที่ใช้ทักษะเฉพาะด้าน หรือ รางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ควรมาก่อนกิจกรรมอื่น ๆ เพราะการสร้างความน่าสนใจและแสดงศักยภาพสูงสุดตั้งแต่ต้น จะช่วยให้กรรมการประทับใจและมีแนวโน้มที่จะเปิดดูรายละเอียดกิจกรรมอื่น ๆ ที่ตามมาในภายหลังจนจบเล่ม
ใช้การจัดกลุ่มผลงานตามประเภทของทักษะหรือความสามารถที่เราต้องการเน้นย้ำ ซึ่งเป็นการจัดระเบียบที่สื่อสารคุณค่าได้ดีกว่า ใช้หัวข้อ (Heading) ที่ชัดเจนและน่าสนใจ เช่น "แรงบันดาลใจสู่คณะแพทยศาสตร์", "ทักษะการเป็นผู้นำและจิตอาสา"
ภาพถ่ายใน Portfolio ไม่ได้มีไว้แค่ประดับเล่ม แต่คือ หลักฐานชั้นดี ที่ช่วยยืนยันความจริงของผลงานและเพิ่มมิติให้แก่เรื่องราวของเรา ดังนั้น รูปถ่ายของน้อง ๆ ต้องมีคุณภาพสูงและเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
รูปกิจกรรม: รูปถ่ายต้องชัดเจน เห็นหน้าเราชัดเจนในกิจกรรมนั้น ๆ ไม่ใช่ภาพเบลอ ๆ หรือภาพหมู่ที่ต้องซูมหา
ใส่คำอธิบายสั้น ๆ: ใต้รูปกิจกรรม/ผลงาน ควรอธิบายว่า "เราทำอะไร/บทบาทของเราคืออะไร" และ "เราได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรมนั้น" (เน้นบทบาทและผลลัพธ์)
ในเวลาอันจำกัดที่กรรมการใช้ในการอ่าน Portfolio การใช้ภาษาที่เฉื่อยชา จะทำให้ผลงานของน้อง ๆ ถูกกลืนหายไปกับเล่มอื่น ๆ ดังนั้นน้อง ๆ ต้องใช้ "Power Words" หรือคำที่สื่อถึงพลัง ทักษะ และผลลัพธ์ เพื่อยกระดับความน่าสนใจของทุกข้อความที่เราเขียน
เน้นทักษะ: แทนที่จะบอกว่า "เข้าร่วมการอบรม" ควรใช้คำว่า "พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม" หรือ "ปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้นำโครงการ"
ใช้ตัวเลข: ระบุผลลัพธ์ที่เป็นตัวเลข เช่น "สร้างสรรค์แคมเปญที่เพิ่มการเข้าถึงของเพจได้ 30%" หรือ "ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากผู้เข้าแข่งขัน 50 ทีม"
Portfolio ที่ยอดเยี่ยมต้องแสดงให้เห็นว่าผู้สมัครมีมากกว่าแค่ผลงานและคะแนน แต่มี ความมุ่งมั่น (Passion) และ ทิศทางในอนาคต (Vision) ที่ชัดเจน การแสดงทัศนคติที่สอดคล้องกับสาขาที่สมัครถือเป็นแต้มต่อสำคัญที่ทำให้กรรมการเห็นคุณค่าที่ลึกซึ้งกว่าใบประกาศนียบัตร
ความผิดพลาดเล็กน้อยเพียงจุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นคำผิด การสะกดชื่อคณะ ชื่ออาจารย์ผิด หรือการจัดวางที่ผิดเพี้ยน สามารถบั่นทอนความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพของ Portfolio ทั้งเล่มได้ทันที การตรวจสอบความถูกต้องอย่างละเอียดจึงเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ สำคัญที่สุด ก่อนที่น้อง ๆ จะส่งงานจริง
Portfolio คือเอกสารทางการที่สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและความรอบคอบ ดังนั้นความผิดพลาดทางภาษาเพียงเล็กน้อยก็อาจบั่นทอนความน่าเชื่อถือได้ทันที น้อง ๆ ต้องตรวจสอบความผิดพลาดด้านการสะกดคำ การใช้ภาษา และไวยากรณ์ (ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างละเอียด อาจขอให้เพื่อนหรือผู้ปกครองช่วยอ่านเพื่อจับจุดบกพร่องที่อาจมองข้ามไป ที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสำคัญต่าง ๆ เช่น ชื่อ-นามสกุล ชื่อโรงเรียน GPAX ชื่อคณะ และมหาวิทยาลัยที่สมัคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ ห้ามผิดพลาดโดยเด็ดขาด
หากต้องส่ง Portfolio แบบรูปเล่ม การตรวจสอบก่อนพิมพ์ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญมาก ต้องแน่ใจว่าเมื่อพิมพ์ออกมาแล้วขนาดตัวอักษรยังคงอ่านง่าย และไม่เล็กจนเกินไป ตรวจสอบการจัดวางและขอบว่ารูปภาพและข้อความไม่ถูกตัดออกหรือตกขอบเมื่อเข้าเล่ม โดยเฉพาะการจัดระยะขอบ ด้านที่จะถูกเย็บต้องเหมาะสม เพื่อไม่ให้เนื้อหาสำคัญถูกบดบัง นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าสีสันที่เลือกใช้ไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่ออกแบบไว้มากนักเมื่อพิมพ์ลงบนกระดาษ การตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบเช่นนี้จะช่วยให้ Portfolio เข้ามหาลัยของน้อง ๆ ดูสมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้นจนจบ
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่กำหนดให้น้อง ๆ ต้องยื่น Portfolio ในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล (PDF) การส่งไฟล์ที่ถูกต้องและมีคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การออกแบบเนื้อหา เพราะหากไฟล์มีปัญหากรรมการอาจไม่สามารถเปิดดูผลงานของน้อง ๆ ได้อย่างเต็มที่
การใส่ใจในรายละเอียดของการจัดทำไฟล์ดิจิทัลเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบและความเป็นมืออาชีพของน้อง ๆ ในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
การทำ Portfolio เข้ามหาลัย ไม่ได้เป็นเพียงการรวบรวมใบประกาศนียบัตร แต่คือการ สร้างเรื่องราว (Storytelling) ที่มีกลยุทธ์ เพื่อพิชิตใจกรรมการในเวลาอันสั้น เพียงแค่น้อง ๆ นำ เคล็ดลับ 9 ข้อ ที่ B2S Club นำเสนอไปปรับใช้ ตั้งแต่การออกแบบที่ "ใช่" กับคณะที่สมัคร การเน้นผลงานชิ้นเอกในหน้าแรก ไปจนถึงการใช้ภาษาที่ทรงพลังและพิถีพิถันในการตรวจสอบความถูกต้อง
จำไว้ว่า "คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ" และ "ความประทับใจแรกคือทุกสิ่ง" หาก Portfolio ของน้อง ๆ สามารถสื่อสาร Passion และ Vision ได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีรูปแบบที่ดึงดูดและเป็นมืออาชีพ มั่นใจได้เลยว่ากรรมการจะเปิดดูผลงานของเราจนจบครบทุกหน้าอย่างแน่นอน!
B2S Club ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคน ประสบความสำเร็จในการยื่น Portfolio และคว้าที่นั่งในมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันได้สำเร็จน้าาา
สนใจอุปกรณ์เครื่องเขียนและอุปกรณ์ทำ Portfolio คุณภาพดี แวะมาที่ B2S ทุกสาขา หรือเข้าไปที่ B2S Online เพื่อช้อปออนไลน์ได้เลย!
ฝ่ายบริการสมาชิก The 1 หรือ The1 Call Center
ที่หมายเลข 02-660-1000 ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 22.00 น. เพื่อแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการรับข้อมูลข่าวสาร
จะมีผลให้ส่วนลด พลังสะสมหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจะถูกยกเลิกในทันที และหากท่านกลับมาสมัครใหม่ในภายหลังจะถือเป็นสมาชิกใหม่
ของท่านจะถูกยกเลิกทันที หลังจากท่านกดยืนยัน