ในช่วงปี 2556 มีเพลงนึงที่ถ้าพูดชื่อไปแทบจะไม่มีวัยรุ่นคนไหนร้องตามไม่ได้ นั่นคือเพลง “หากฉันตาย” โดยวง 60 miles ซึ่งเนื้อหาของเพลงคือความในใจของคนคนนึงซึ่งรู้สึกโชดีที่ได้มีคนที่รักอยู่ข้าง ๆ และต้องการที่จะบอกให้คนรักเข้าใจว่าความรักที่มีมันมากขนาดไหน เผื่อไว้หากในวันพรุ่งนี้อาจตายไปไม่มีโอกาสได้บอกรักอีกแล้ว ฟังดูโรแมนติกดีใช่มั้ยล่ะคะ
ในชีวิตจริงไม่อิงเนื้อเพลง ที่จะบอกต่อไปนี้อาจดูโหดร้าย แต่เราทุกคนบนโลกปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า เวลาทุก ๆ วินาทีตอนนี้ของเรามันกำลังนับถอยหลัง เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าเราเหลือเวลาที่จะได้ใช้กับคนที่รักเราหรือคนที่เรารักอีกนานเท่าไหร่ จะได้ใช้ชีวิตเพื่อทำอะไรที่ชอบไปได้อีกกี่วัน จะได้ตื่นมาชงมัทฉะกินตอนเช้าอีกกี่ครั้ง (อันนี้ไม่มีในเพลง ความชอบส่วนตัวเราเองค่ะ ฮ่า ๆ ) หรือจะมีโอกาสได้ลองเสี่ยงทำอะไรใหม่ ๆ ทีี่่ไม่เคยทำอีกกี่หน เพราะเราทุกคนล้วนรู้วันเกิดของตัวเอง แต่ไม่มีใครสักคนที่จะล่วงรู้ถึงวันที่ตัวเองจะจากโลกนี้ไป ลองนึกดูมันคงน่าเสียดายมากถ้าวันนึงเราต้องบอกลาไปโดยไม่ได้ทำอะไรที่สำคัญและให้ความสุขกับชีวิตจริง ๆ เลย
วันนี้เราเลยเลือกหยิบหนังสือที่เปรียบให้เป็นเหมือนเครื่องมือพานักอ่านไปสำรวจหัวใจตัวเอง เป็นเข็มทิศช่วยนำทางเพื่อน ๆ ไปยังชีวิตแบบที่อยากใช้ เป็นสิ่งย้ำเตือนให้เพื่อน ๆ ตระหนักว่า “นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย และพรุ่งนี้เราอาจจะตายก็ได้นะ” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเล่มนี้มีเนื้อหาน่าสนใจขนาดไหน ไปอ่านรีวิวกันได้เลย!!
เนื้อหาในเล่มนี้มีจุดเริ่มต้นจากการที่คุณ ฮิซุย โคทาโร่ ผู้เขียน มีโอกาสไปสัมภาษณ์ผู้สูงอายุที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจากการใช้ชีวิต หลังจากการสัมภาษณ์เขาฉุกคิดได้ว่า คำตอบของทุกคนล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกันนั่นคือ มีความรู้สึกเสียดายในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ หรือน่าจะลองเสี่ยงทำอะไรที่อยากทำให้มากกว่านี้ เขาจึงได้รวบรวมเทคนิคและคำถามจากการสัมภาษณ์ออกมาเป็นหนังสือเพื่อให้ผู้อ่านได้ไตร่ตรอง ขบคิด และตั้งคำถามกับชีวิตของตัวเองตามไปด้วยระหว่างที่อ่าน เลยทำให้ในทุก ๆ บทของหนังสือเล่มนี้ จะมีคำถามมาให้เราคิดตามและหาคำตอบของตัวเองถึงการใช้ชีวิตและเวลาอย่างไรไม่ให้รู้สึกเสียดายทีหลัง
ภายในเล่มแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 บทและ 27 คำถามสะท้อนตัวตนให้คิดตาม เราจะขอเล่าแต่ละบทแบบสั้น ๆ ให้เพื่อให้ทุกคนทราบว่าในแต่ละบทนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรนะคะ
-บทที่ 1 บทนี้จะพูดถึงการใช้ชีวิตไม่ให้รู้สึกเสียใจภายหลัง มีแบบฝึกหัดเล็ก ๆ มาให้ทำ คือการลองให้คะแนนชีวิตว่าจาก 100 เราให้ตัวเองทั้งหมดเท่าไหร่ หรือสิ่งที่คุณไม่อยากให้เสียไป 5 อันดับ เป็นต้น
- บทที่ 2 พูดถึงการใช้ชีวิตตามความฝัน เพื่อทบทวนถึงสิ่งที่อยากทำ เช่น ชีวิตแบบไหนที่เราอยากให้เป็น สิ่งที่อยากทำก่อนจากโลกนี้ไป
- บทที่ 3 ถามถึงความมุ่งมั่นและภารกิจของชีวิต เราใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร ส่วนตัวเราชอบบทนี้เพราะมีคำถามที่ได้กลับมาทบทวนชีวิตตัวเองเยอะเกี่ยวกับทั้งชีวิตตอนที่ยังอยู่และชีวิตหลังจากโลกนี้ไป
-บทที่ 4 คำถามชวนเราค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงในก้นบึ้งของหัวใจโดยไม่เสแสร้ง กลับมาทำย้อนมองว่าแล้วจริง ๆ เราเป็นใคร ช่วงเวลาแบบไหนที่เราได้เป็นตัวของตัวเอง ชวนให้เราโฟกัสอยู่กับเวลาในปัจจุบัน
นอกจากเนื้อหาที่เล่ามา ภายในเล่มยังเต็มไปด้วยภาพประกอบที่เป็นภาพถ่ายสวย ๆ กับข้อคิดปลุกไฟและให้กำลังใจในการใช้ชีวิตมาให้ได้อ่านคั่นเนื้อหากันอีกด้วย เป็นดีเทลเล็ก ๆ ที่น่ารักและชวนให้ยิ้มระหว่างพลิกหน้ากระดาษเพลิน ๆ
ภาพรวมขอยกให้เป็นหนังสือ how-to อีกเล่มในปีนี้ ที่เราได้ลองอ่านแล้วประทับใจมาก โดยเฉพาะข้อความต่อไปนี้
นอกจากประโยคเหล่านี้ คำถามที่เป็นแบบฝึกหัดให้เขียนตอบภายในเล่มเอง ก็มีหลายคำถามที่ทำงานกับหัวใจเราหนักมากและอยากแนะนำว่าหากเพื่อน ๆ หยิบเล่มนี้มาอ่าน ควรมีเวลาให้ตัวเองได้ค่อย ๆ นึกทบทวนและตอบคำถามจากหนังสืออย่างรอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป จะช่วยให้ได้ใช้เวลาอยู่และคุยกับตัวเองด้วยความจดจ่อแต่สบาย ๆ ไม่กดดันค่ะ
เรามองว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับทุกคนที่อยากลองหาความหมายหรือกำลังตั้งคำถามกับชีวิต ไม่ว่าจะวัยรุ่น วัยเรียน วัยผู้ใหญ่ วัยทำงาน วัยเกษียณ หากกำลังรู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่าหรือกำลังรู้สึกหลางทาง หาเล่มนี้มาอ่านให้เป็นเหมือนกับเข็มทิศช่วยพยุงชีวิตไปให้ถูกทาง ไม่เคว้งคว้างในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ เพราะอย่างที่เล่าไปว่าหนังสือเล่มนี้ ช่วยตั้งคำถามถึงตัวตนของเราและช่วยให้เห็นภาพรวมของชีวิตตัวเองตั้งแต่อดีตไปจนถึงอนาคตได้ชัดเจนขึ้นผ่ านการตอบคำถามทั้ง 27 ข้อ เมื่อเราสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ มันทำให้เราเข้าใจว่า จริง ๆ แล้ว เรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร อยากทำอะไร อยากเป็นอะไร สิ่งไหนที่เราอยากให้คุณค่ากับมันจริง ๆ และมันให้ความสุขกลับมาแก่ชีวิตเรา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจเสียดายที่ไม่ได้ทำเมื่อเวลามาถึงบั้นปลายชีวิต เป็นหนังสือที่เนื้อหนาหนัก แต่อ่านง่าย สามารถล้วงลึกถึงแก่นแท้ในหัวใจได้ทะลุทะลวงทีเดียวค่ะ
หลักใหญ่ใจความของหนังสือเล่มนี้ นอกจากจะช่วยฉุดดึงให้เรากล้าลุกไปทำอะไรใหม่ ๆ ปลุกไฟในหัวใจ และกล้าเสี่ยงกล้าใช้ชีวิตมากขึ้นแล้ว ส่วนสำคัญที่หนังสือเน้นย้ำตลอดเล่มคือการให้เราโฟกัสอยู่กับปัจจุบันของชีวิตและทำมันให้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ เพราะสิ่งสำคัญและมีค่าในชีวิตไม่ได้มีเพียงแค่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ทรัพย์สินเงินทอง การประสบความสำเร็จมากมายที่ไล่ไขว่คว้า แต่คือเวลาทั้งชีวิตที่เรามี ตอนนี้ วันนี้ นาทีนี้ และขึ้นอยู่กับเราว่าจะวางแผนจัดการลงมือทำให้มันดีอย่างไร เพื่อที่ในท้ายที่สุดเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังเมื่อปล่อยเวลาไหลพ้นไปเหมือนกับสายน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับ เพราะอย่างน้อย ๆ หากเราได้ตั้งใจใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่าและพอใจกับทุกความสุขที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างนึงเท่าที่ชีวิตมนุษย์คนนึงจะมีได้แล้ว ถูกมั้ยคะ
ก่อนจบบทความไป อยากขอฝากทิ้งท้ายไว้อีกสักนิดว่า หากวันนี้เพื่อน ๆ จะยังมองไม่ออกว่าชีวิตที่อยากใช้มันคือแบบไหนกันแน่ หนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยชี้นำเพื่อน ๆ ไปให้ค้นพบกับชีวิตที่อยากใช้ หรือหากมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้ก็จะคอยเตือนว่าวันนี้เพื่อน ๆ เข้าใกล้เป้าหมายหรือกำลังใช้ชีวิตแบบที่ตั้งใจเอาไว้แล้วหรือยัง ขอให้อ่านหนังสืออย่างสนุกและมีความสุขในทุกการพลิกหน้ากระดาษนะคะ
ฝ่ายบริการสมาชิก The 1 หรือ The1 Call Center
ที่หมายเลข 02-660-1000 ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 22.00 น. เพื่อแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการรับข้อมูลข่าวสาร
จะมีผลให้ส่วนลด พลังสะสมหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจะถูกยกเลิกในทันที และหากท่านกลับมาสมัครใหม่ในภายหลังจะถือเป็นสมาชิกใหม่
ของท่านจะถูกยกเลิกทันที หลังจากท่านกดยืนยัน