คิดว่าภายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เพื่อน ๆ นักอ่านคงจะได้เจอกับคำว่า “social detox” (ลดการเล่นมือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ให้น้อยลง เพื่อพักจิต Detox ใจ) อยู่ทุกที่เลยใช่มั้ยคะ นั่นเป็นเพราะว่าในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเจนไหนๆ ก็หันมาใช้ social media กันอย่างแพร่หลาย จนเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันไปแล้ว จะหลบหลีกก็ทำได้ยากเพราะว่ามันคือช่องทางหลักที่เราเอาไว้ติดต่อสื่อสารกับคนอื่นและติดตามข่าวสารใหม่ ๆ จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งที่ตามมาคือมันทำให้เราเสพติด และพอเสพติดเจ้าสิ่งนี้มาก ๆ อาการที่ตามมาคือความรู้สึกเครียดและล้าสมอง เพราะสมองต้องรับข้อมูลจำนวนมากตลอดเวลา และที่สำคัญ บางคนอาจถึงขั้นเกิดอาการ Self-Esteem ต่ำ ขาดความมั่นใจในตัวเอง และมีความคิดลบมากขึ้น เพราะมัวแต่ส่องชีวิตที่ดีๆ (ที่คนอื่นโชว์ให้เห็น) แล้วเอามาเปรียบเทียบกับตัวเอง การเสพสิ่งเหล่านี้ในโซเชียลมากๆ อาจนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพจิตได้เลย
จากที่เกริ่นไป เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งครีเอเตอร์ จิตแพทย์ รวมถึงนักเขียน สำนักข่าว หรือแม้แต่ประชาชนคนทั่วไปที่ใช้ social media ออกมาแนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่า เราควรมีช่วงเวลาแห่งการลด ละ การใช้ social media บ้าง อย่างน้อย ๆ เป็นช่วงเวลาก่อนเข้านอนสักสองชั่วโมงเพื่อให้สมองได้พักผ่อนจากการใช้งานมาอย่างหนักทั้งวัน หรืออาจจะลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูก็ได้นะคะ
และแน่นอนว่า ข้อที่เราอยากแนะนำให้ทำมากที่สุด ก็คือการอ่านหนังสือแทนการเล่นมือถือนั่นเองค่ะ เพราะการอ่านช่วยให้เรามีสมาธิที่จดจ่อได้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นการออกกำลังกายสมองโดยไม่ทำให้สมองล้าจนเกินไปอีกด้วยนะคะ ในบทความนี้ เราเลยมีหนังสือดี ๆ ที่จะมาช่วยฮีลใจ เพิ่มพลังบวกและพลังใจให้เพื่อน ๆ ที่อยากเริ่มทำ social detox ได้ลองหยิบมาอ่านกัน จะมีเล่มไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย
แค่อ่านชื่อหนังสือก็น่าสนใจและชวนให้อยากรู้ว่าทั้ง 13 ข้อจะมีอะไรบ้าง แต่พอได้ลองอ่าน ก็มีหลายข้อที่เราเองก็ทำอยู่ นี่เลยอาจจะเป็นที่มาของความเศร้าที่เกิดขึ้นในใจเราก็ได้ หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นโดยคุณเอมี โมริน ซึ่งเป็นนักจิตบำบัด เนื้อหาในเล่มประกอบไปด้วยต้นเหตุของปัญหาทางใจ ที่คุณนักเขียนจะอธิบายให้เราเข้าใจโดยใช้หลักจิตวิทยารวมถึงการแก้ไขให้ถูกจุด ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความเข้มแข็งทางจิตใจโดยเปลี่ยนมุมมองความคิด ปรับพฤติกรรม และลงมือทำโดยไม่ลังเล ถ้าใครอยากรู้ว่าทั้ง 13 ข้อมีอะไรบ้างและเรากำลังทำพฤติกรรมข้อใดข้อหนึ่งที่หนังสือว่ามาอยู่ไหม ให้ลองหาเล่มนี้มาอ่านดูนะคะ
หนังสือที่จะชวนเราไปเปลี่ยนภารกิจที่เคร่งเครียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ธุรกิจ หรือการเรียน รวมถึงเรื่องน่าปวดหัวอื่นๆ ที่เลี่ยงไม่ได้ ให้กลายเป็นกิจกรรมที่เราทำรู้สึกดีและสนุกไปกับมันได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องฝืนใจให้ทรมาน ซึ่งผู้เขียน คุณหมอ Ali Abdaal ผู้ผันตัวจากแพทย์สู่อินฟลูเอนเซอร์สายพัฒนาตัวเองที่มีผู้ติดตามกว่า 5 ล้านคนบนยูทูบ จะมาเล่าให้เราฟังว่า ทำไม “ความรู้สึกดี” ถึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ดีมากขึ้น สนุกไปกับมันมากขึ้น และยั่งยืนมากขึ้นนั่นเองค่ะ เป็นอีกเล่มที่น่าอ่านสำหรับคนที่รู้สึกว่าไม่มีแรงลุกไปทำอะไร จะช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของตัวเองและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นได้แน่นอนค่ะ
เนื้อหาในเล่มนี้ เล่าเรื่องราวชีวิตที่ต้องผ่านอะไรมากมายคล้ายกับชีวิตจริงของคนเรา ผ่านตัวการ์ตูนโบโนโบโน่เจ้านากน้อยที่เดินทางผ่านความกังวลใจ ความทุกข์ ความผิดหวัง ความฝันที่ไม่สำเร็จ แต่ตัวโบโนโบโน่เค้าก็มีวิธีการใช้ชีวิตแบบชวนให้คนอ่านแบบเราคิดตาม ทบทวนตัวเองและได้มุมมองใหม่ๆ มาให้ปัญหาคลี่คลายไปทีละนิด เรามองว่าเล่มนี้มีสำนวนการเขียนที่มีกลิ่นอายความเป็นวรรณกรรม อ่านง่าย ให้ความรู้สึกอ่านแล้วใจสบาย คนเริ่มอ่านก็อ่านได้ คนที่อยากอ่านอะไรเบาๆ สบายๆ แต่ได้ข้อคิดก็อ่านดี
หนังสืออ่านง่ายผลงานจากปลายปากกาของสองนักเขียนฮีลใจแห่งยุค คุณคิดมากและคุณคิ้วต่ำนั่นเองค่ะ บอกชื่อไปไม่น่าจะมีนักอ่านคนไหนไม่คุ้นหรือไม่เคยได้ยินชื่อนักเขียนทั้งสองท่านนี้ หนังสือเล่มนี้ จะพานักอ่านทุกท่านไปรู้จักกับการสร้างพลังบวกและเห็นคุณค่าในตัวเอง ผ่านการเล่าแบบความเรียงที่อ่านง่าย ได้แง่คิดและกำลังใจ พร้อมภาพประกอบน่ารัก ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความสบายตาสบายใจ รับรองเลยว่าหยิบเล่มนี้มาอ่านเมื่อไหร่ ก็จะได้รับพลังใจไปเต็ม ๆ เลยล่ะค่ะ
ทุกคนเคยเลือกที่จะไม่อนุญาตให้ตัวเองได้มีความสุขจนเป็นนิสัยกันมั้ยคะ ถ้าคำตอบคือใช่ เพื่อนๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับคุณนักเขียนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ในเล่มนี้ คุณชองมุนจอง ผู้เขียนได้บอกเล่าประสบการณ์ที่เค้าเคยเลือกจะไม่มีความสุขจนเป็นนิสัยอย่างเปิดเผยและชักชวนให้เราละทิ้งความสงสารตัวเองแล้วก้าวไปข้างหน้าไปยังที่ที่ดีกว่านี้ ทั้งอยากให้ลองสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ให้มากที่สุดในกรอบที่เป็นไปได้ เป็นหนังสืออีกเล่มที่ชวนให้นักอ่านเข้มแข็งและพร้อมต่อสู้กับสิ่งที่ชีวิตหยิบยื่นมาให้ ถ้าใครชอบอ่านหนังสือฮีลใจงานแปลจากภาษาเกาหลี เล่มนี้พลาดไม่ได้นะคะ
หนังสือสร้างพลังบวกและปลอบโยนจิตใจที่เพื่อนนักอ่านของเราป้ายยามาให้หลายครั้งหลายครา ซึ่งพอได้ลองอ่านก็รู้สึกว่า เราคงต้องหยิบเล่มนี้มารีวิวให้ได้ นอกจากถ้อยคำที่เต็มไปด้วยกำลังใจ ในเล่มยังอัดแน่นไปด้วยภาพประกอบอ่านง่าย นำเสนอในรูปแบบของข้อความ A-Z ที่เปรียบเหมือนการเดินทางจากจุดเริ่มต้นไปสู่ปลายทาง แต่ท้ายที่สุดตัวอักษร A-Z ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นตัวอักษรนะคะ แต่ยังคงเดินทางและต่อยอดไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกับชีวิตของเรานั่นเอง
หนังสือความเรียงที่ชวนให้ผู้อ่านกลับมาขบคิดและตั้งคำถามทั้งกับสิ่งรอบและรวมไปถึงตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการถูกรัก การคิดว่าตัวเอง 'ต้อง' มีความสุข รวมถึงการหมดไฟในสิ่งที่ทำ สิ่งที่เราชอบมากของหนังสือเล่มนี้คือ ในแต่ละบทจะเพิ่มกิมมิกคำถามที่พบบ่อยไว้ท้ายบท เชิงปลอบโยนและให้คำแนะนำผู้อ่านไปด้วย ทั้งในรูปแบบความคิดของผู้เขียนและหลักจิตวิทยาเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งเรามองว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักและแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของคุณนักเขียนที่ส่งถึงผู้อ่านผ่านตัวหนังสือและหน้ากระดาษได้ดีทีเดียวค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับหนังสือ social detox ที่เลือกมารีวิวป้ายยาเพื่อนๆ กันในวันนี้ เพื่อนๆ มีเล็งเล่มไหนไว้ในใจแล้วหรือยังน้า นอกจากหนังสือดี ๆ ที่เราอยากให้อ่าน เรายังมีโปรโมชันดี ๆ ที่อยากบอกต่อกันด้วย เพราะตอนนี้ B2S จับมือกับ ททท หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในแคมเปญพกหนังสือไปเที่ยว Digital Detox Holiday เพียงซื้อหนังสือที่ร่วมรายการที่ B2S รับส่วนลดทันที ซื้อ 1–3 เล่ม รับส่วนลด 15% ซื้อ 4 เล่มขึ้นไป รับส่วนลด 20% เล้ยยยย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางของ B2S และ ททท ได้เลยค่า ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่า