ซัมเมอร์ซัมใจ ช่วงนี้ร้อนแบบไม่หยอกสุด ๆ แถมสงกรานต์ก็ผ่านมาแล้ว แต่ไม่อยากให้วันหยุดยาวผ่านไปเลยว่าไหมคะ T^T ถึงอากาศจะร้อนจนเหมือนอาบน้ำวันละสิบรอบ ใคร ๆ ก็อยากออกเที่ยวให้ใจมันสดชื่นอยู่ดี ในขณะที่อีกทีมก็โนแพลน นอนอยู่บ้านยาว ๆ (...บางคนก็นั่งทำงาน เศร้าจัง) ชาว B2S Club เองก็คงจะได้โอกาสทลายกองดองกันไปหลายเล่ม
ส่วนใครที่อยากเที่ยวใจจะขาดแต่ไม่ได้ไปไหนเลย ไม่ต้องนอยไปค่ะ วันนี้เรามีตั๋วเที่ยวบินเดี่ยวราคาประหยัด พาทุกคนบินลัดฟ้าไปเที่ยวเมืองนอกอย่าง อินเดีย สหรัฐฯ และตุรกีกันได้แบบง่าย ๆ ขอแค่ทุกคนกำเงินไปเอฟหนังสือตามลิสต์นี้แล้วนอนแผ่พุงให้สบายพร้อมอ่าน ก็ท่องโลกได้แล้วค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมแพ็กกระเป๋า (ตังค์) แล้วออกเดินทางไป (ซื้อหนังสือ) ด้วยกันเลย
มาสัมผัสอินเดียกันแบบออกรสออกชาติในมุมมองน่ารัก ๆ ที่ทั้งชวนว้าว และ ว้อททท กับหนังสือ “DEAR INDIA มาหาภารตะ” บันทึกการเดินทางของ “ปาราวต” ที่เริ่มจากการเล่นเกมแล้วได้ตั๋วเครื่องบินไปอินเดียฟรีในทริปแรก ใครจะรู้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอหลงรักวัฒนธรรมและผู้คน จนได้ไปเยือนอินเดียอีกหลายทริป และแทบจะเรียกได้ว่าอินเดียคือบ้านหลังที่ 2
ตลอด 5 ทริปการเดินทาง ปาราวตีได้ประสบการณ์แบบทั้งเหนื่อยทั้งลุ้น แต่มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการนอนบ้านเพื่อนชาวอินเดีย การเข้าร่วมเทศกาลโฮลีและไพรด์พาเหรด ไปจนถึงการทำงานอาสาสมัครในไร่บนภูเขา สุดพีกคือได้เข้าร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์บอลลีวูดด้วย และสารพัดเรื่องราวที่อัดแน่นไปด้วยความอ่อนล้าอย่างมีแพสชัน 555 เรื่องราวในเล่มจะเผยให้เราเห็นอินเดียในรูปแบบไหน จะเป็นแบบที่เคยคิด หรือจะพลิกให้เห็นมุมใหม่ ต้องลองเปิดชิมกันในเล่ม บอกเป็นน้ำจิ้มแค่ว่า คนเขียนแทบจะคิดว่าชาติที่แล้วคงเคยเกิดเป็นคนอินเดียมาก่อนชัวร์
ถ้าบอกชื่อ เบ๊น ธนชาติ เชื่อว่านักอ่านคงรู้จักนักเขียนสุดยียวนมาดกวนคนนี้ที่เขียนหนังสือได้น่าอ่านทุกเล่ม เพราะมันทั้งสนุก ได้อรรถรส แถมโหดมันฮาเหมือนดูเกมโชว์ญี่ปุ่น
“NEW YORK 1st TIME” คือผลงานหนังสือเล่มแรกของเขาที่บันทึกประสบการณ์ "ครั้งแรก" ของการเดินทางไปเรียนถ่ายภาพที่นิวยอร์ก ถ้าเป็นเบ๊น ธนชาติแล้ว คาดหวังได้เลยว่าการเดินทางและเรื่องราวหลังจากนั้นมันไม่เคยราบเรียบ แต่จะเต็มไปด้วยความวายป่วงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการโดนปล้นครั้งแรก การมีแฟนเป็นชาวต่างชาติครั้งแรก การยืนต่อแถวนานกว่าแปดชั่วโมงครั้งแรก และอีกหลาย ๆ เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในชีวิตของเบ๊น ยิ่งอ่านไปเท่าไหร่ แม้ใจจะอยากเห็นอกเห็นใจ แต่ความอยากขำมันนำหน้าไปก่อนแล้วจริง ๆ 555 เป็นอีกเล่มที่คอนเฟิร์มว่าอ่านได้เพลินมาก วางไม่ลง และอาจทำให้ใครที่คิดจะเดินทางไปนิวยอร์ก ได้ซ้อมรับมือ เตรียมตัวเตรียมใจกับสถานการณ์สุดป่วงที่อาจเกิดขึ้นได้แบบเฟิร์สไทม์จากพี่เบ๊นกันก่อน
จาก USA ขอพาบินลัดฟ้ามาดูสามขั้วโลกสุดอัศจรรย์เพื่อสำรวจความเงียบ จากหนังสือ “เงียบ” หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า SILENCE In the Age of Noise ความน่าสนใจของเล่มนี้อยู่ตรงที่นักเขียน คุณ Erling Kagge ซึ่งเป็นชาวนอร์เวย์ เขาคือนักสำรวจคนแรกของโลกที่เดินกว่าแปดร้อยไมล์ไปยังขั้วโลกใต้ตามลำพัง แถมยังเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่พิชิตสามขั้วโลกได้สำเร็จ ทั้งขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ และยอดเขาเอเวอเรสต์ ถ้าเคยเห็นข่าวหรือสารคดี เพื่อน ๆ อาจจะพอรู้ว่ามีคนมากมายที่พยายามจะพิชิตยอดเขาเหล่านี้ และจบลงที่การหมดลมหายใจระหว่างทาง พูดง่าย ๆ คือเหมือนเอาชีวิตไปทิ้งบนนั้น
เล่มนี้ไม่ได้จะพูดถึงความตายอะไร แต่เป็นการเล่าประสบการณ์ระหว่างการเดินทางในหมุดหมายเหล่านี้ ที่นักเขียนต้องอยู่กับความเงียบเป็นเวลานาน โดยหลังกลับจากการเดินทาง เขาพยายามทำความเข้าใจ และมองหาช่วงสงบเงียบท่ามกลางชีวิตที่วุ่นวายในโลกสมัยใหม่ ความเรียงในแต่ละบทซึ่งเป็นประสบการณ์ของผู้เขียน จะพาเราไปสำรวจความหมายและคุณค่าของ "ความเงียบ" ที่เราอาจพบมันได้ในระหว่างบทสนทนา เพลง หรือในขณะที่เดินทางไกลเพียงลำพัง
ในโลกที่ทุกสิ่งรบเร้าและส่งเสียงโหวกเหวกกระทบโสตประสาทเราได้ทุกวินาที เล่มนี้จะค่อย ๆ พาเราลัดเลาะจนเจอความสงบเงียบภายในตนเอง เหมาะจะอ่านในยุคโซเชียลแบบนี้มาก
จากทริปเที่ยวโหด ๆ พามาโหมดหวาน ๆ พาสเทลกันบ้างกับ “Accidentally Wes Anderson” หนังสือภาพที่ต้องบอกเลยว่าโคตรคุ้มและควรค่าแก่การจับจองมาก เล่มนี้คือหนังสือที่รวบรวมภาพถ่ายของสถานที่จริงจากทั่วโลกที่มีดีไซน์และโทนสีที่ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์ของผู้กำกับชื่อดังอย่าง Wes Anderson ซึ่งสไตล์ของเวสเองมีเอกลักษณ์ที่คนทั่วโลกจดจำอย่างความสมมาตรขององค์ประกอบภาพ และสีสันที่แม้จะดูอ่อนหวานพาสเทลแต่ก็ฉูดฉาดอยู่นัยที
ผู้เขียนอย่าง Wally Koval เอง ตามจริงแล้วไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้จักกับเวสแต่อย่างใด แต่เขาเป็นคนริเริ่มโปรเจกต์ถ่ายภาพสถานที่ที่ได้ฟีลแบบเวส ๆ บนบัญชีอินสตาแกรมที่ชื่อ @accidentallywesanderson ซึ่งไวรัลมาก และมีผู้ติดตามเกือบ 2 ล้านคนแล้ว สุดพีกคือ เวสเองก็เห็นโปรเจกต์นี้แล้วชอบมากด้วย จนถึงขึ้นเขียนคำนิยมให้หนังสือเล่มนี้ด้วยตัวเอง
ภาพถ่ายต่าง ๆ ในเล่มก็รวบรวมจากนักเดินทางทั่วโลกที่บังเอิญเจอที่ที่มัน “เวสมาก" ทั้งมุมตึก ป้ายรถเมล์ โรงแรมร้าง สถานีรถไฟกลางหิมะ สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ฯลฯ คือบอกได้คำเดียวว่าเล่มนี้มันจุใจอะ มันไม่ใช่แค่มีภาพถ่ายสวย ๆ ให้ดู แต่เขามีเรื่องเล่าของแต่ละสถานที่ไว้ให้อ่านด้วย ใครที่ชอบถ่ายรูป เป็นสายฟิล์ม ชอบดูหนังฟีล Cinematic เราว่าเล่มนี้ไม่ควรพลาด เพราะมันโคตรจะเวสสุด ๆ ไปเลย
ถ่ายรูปอยู่ดี ๆ พาทุกคนวาร์ปกลับมาที่สหรัฐฯ กันอีกแล้ว “American Pain โปรดเจ็บไว้เป็นหลักฐาน” ชอบชื่อมาก เล่มนี้เป็นบันทึกประสบการณ์ชีวิตของวัยรุ่นไทยที่ตัดสินใจไปทำงานและเที่ยวผ่านโครงการ ‘Work & Travel’ ซึ่งเด็กที่ฝันอยากไปเมืองนอกน่าจะรู้จักโครงการนี้กันทุกคน และประสบการณ์ชีวิตครั้งนี้มันเจ็บจี๊ดจนต้องเล่า
ถ้าถามว่าในเล่มเนื้อหาเป็นยังไง สาหัสสมชื่อเลยแหละ กับประสบการณ์การทำงานที่โหดจนเจ็บตัว การผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงานหลายชีวิต การใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นอเมริกัน การเจอสถานการณ์ที่เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น และอีกสารพัดเรื่องราวที่ชีวิตสู้กลับแบบสุด ๆ ถือเป็นเล่มที่ช่วยเปิดประสบการณ์ให้ใครที่อยากลองไป ‘Work & Travel’ ดูสักครั้ง หรืออยากรู้ว่าอเมริกาที่ว่าเป็นเมืองเสรี ชีวิตจริงมันเป็นแบบไหนกันแน่นะ แต่ท้ายที่สุดไม่ว่าอ่านแล้วจะรู้สึกกลัวหรือกังวลไปมากกว่าเดิม หรืออยากลองไปให้รู้เพื่อเป็นประสบการณ์ ก็ถือว่าเล่มนี้เป็นไกด์ที่ช่วยเตือนจุดเจ็บไว้ให้ก่อนล่วงหน้า
มาถึงพิกัดสุดท้ายของทริปนี้กันแล้วกับประเทศตุรกี ผ่านหนังสือ “สีสันแห่งตุรกี : เทศกาล อาหาร และวัฒนธรรมแห่งดินแดนสองทวีป” บันทึกที่ว่าด้วยประสบการณ์และการสำรวจวัฒนธรรมของประเทศตุรกี ซึ่งตัวผู้เขียนเองอาศัยอยู่ในตุรกีเป็นเวลานาน ทำให้เข้าใจวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวตุรกีอย่างลึกซึ้งจนกลั่นออกมาเป็นมุมมองที่น่าสนใจและชวนให้เราไปค้นพบ
เนื้อหาในเล่ม ครบรสในทุกแง่มุมของวัฒนธรรมตั้งแต่ ประวัติศาสตร์ของนครอิสตันบูล อารยธรรมไบแซนไทน์และออตโตมัน สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างปามุกคาเลและคัปปาโดเกีย รวมถึงอาหารและขนมท้องถิ่นอย่างกาแฟตุรกีและเตอร์กิช ดีไลท์ นอกจากนี้ยังพูดถึงความเชื่อและประเพณีต่าง ๆ ของชาวตุรกี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางสุดฮิตอย่าง Evil Eye (อันนี้น่าสนใจมาก สายมูน่าจะมีในครอบครองกันบ้างแล้ว เพราะเห็นขายเยอะมากในบ้านเรา) การเต้นเซม่า มวยปล้ำตุรกี มวยปล้ำอูฐ เทศกาลแกะข้ามแม่น้ำ ฯลฯ
อะไรที่เราไม่เคยรู้ หรือรู้แค่ผิว ๆ เกี่ยวกับตุรกี เล่มนี้นักเขียนจะพาเราไปดำดิ่งในโลกของชาวตุรกี เหมือนมีเจ้าบ้านมาพาเที่ยวตุรกีด้วยตัวเองจริง ๆ เลยค่ะ
ครบจบกันไปกับทริปเที่ยวทิพย์ด้วยตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดอย่างหนังสือ ที่พาเราไปเที่ยวได้เกือบรอบโลกเลย แถมยังฟินเหมือนได้ไปเยือนเองจริง ๆ และยังมีทั้งมุมที่สนุก มุมโหด ๆ มุมที่สร้างแรงบันดาลใจให้อยากก้าวเท้าออกจากบ้านไปสำรวจอะไรใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเดินลุยอินเดีย นั่งเมโทรในนิวยอร์ก เสพบรรยากาศเงียบ ๆ ท่ามกลางพิกัดสุดอันตรายอย่างเอเวอร์เรสต์ เดินทอดน่องกลางหุบเขาสักที่จนไปเจอเข้ากับตึกสีพาสเทลที่ชวนคิดว่าโลกนี้มันช่างเวส หรือจะแวะชิมเตอร์กิช ดีไลท์ จิบกาแฟตุรกี และช็อปสร้อย Evil Eye มาใส่สักเส้นเพื่อป้องกันสิ่งไม่ดี
อากาศร้อน ๆ แบบนี้ ถ้ายังไม่อยากออกจากบ้านไปไหน แต่อีกใจก็อยากออกเดินทาง หนังสือในลิสต์นี้จากร้าน B2S จะเป็นพาสปอร์ตพร้อมตั๋วบิน พาเราเที่ยวรอบโลกได้ตามใจต้องการเลยค่ะ