ที่พี่เต๋อ นวพล เคยโพสต์ไว้ว่า “เดือนธันวาคมเหมือนเป็นเฉลยของทุกคำถามที่เราตั้งไว้เมื่อเดือนมกราคม” เราว่ามันเป็นประโยคที่จริงมาก พอถึงช่วงสิ้นปีทีไร มักจะได้ข้อสรุปของอะไรหลาย ๆ อย่างที่เคยคิดไว้เมื่อต้นปีเสมอ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ได้ดั่งใจบ้าง ไม่ได้ดั่งใจบ้างก็ว่ากันไป และนอกจากข้อสรุป เรายังเห็นภาพรวม เห็นชีวิตแต่ละช่วงของตัวเองตลอดทั้งปีด้วย ช่วงไหนแฮปปี้เรื่องอะไร ช่วงไหนดิ่งดาวน์เรื่องอะไร ช่วงไหนได้อยู่กับตัวเองและทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง หรือยังมีอะไรบางอย่างตกตะกอนค้างคาอยู่ในใจ
สำหรับหนอนหนังสืออย่างชาว B2S Club หนังสือหลายเล่มที่ได้อ่าน (และได้ดอง) กันในปีนี้ คงจะมีหลายเล่มเหมือนกันที่เป็นเหมือนเล่มแทนใจ บอกความรู้สึกทั้งหมดที่มี รวมทั้งช่วยชุบชูหัวใจ ให้คำแนะนำ โปรยความหวัง และสอนสั่งไปด้วย ขณะที่บางคนก็เฝ้าตามหาหนังสือสักเล่มที่จะช่วยพลิกชีวิตให้ผกผัน ราวกับอยากได้เฉลยของทุกคำถามที่ตั้งมาแล้วทั้งปี วันนี้ เราเลยมีลิสต์หนังสือที่เรียกได้ว่าเป็นเดอะเบสต์ของใครหลายคนในปี 2024 มาฝากกันค่ะ ไม่แน่ว่าเล่มใดสักเล่มในนี้ อาจจะเปลี่ยนชีวิตเราไปอย่างที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
หนังสือที่ชวนให้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการตามหาคำตอบบางอย่างให้กับชีวิตคงเป็นเล่มนี้ “แห่งใดหรือคือบ้าน” แค่เห็นชื่อก็เหมือนมีบูมเมอแรงเหวี่ยงคำถามสะท้อนกลับมาหาตัวคนอ่านเองแล้วค่ะ หลายคนน่าจะเฝ้าถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ที่ไหนกันนะที่เป็นที่ของเรา ที่ที่เราจะรู้สึกสบายใจเหมือนได้อยู่บ้าน นิ้วกลมจะพาเรากระโดดขึ้นรถบ้าน พาไปค้นหาคำตอบที่ว่า ผ่านเรื่องราวการเดินทางใน 'นิวซีแลนด์' ประเทศที่แค่เห็นวิวเราก็รู้สึกอบอุ่นปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
เป็นบันทึกการเดินทางที่ทั้งสนุก หลากอารมณ์ ขณะเดียวกันก็สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้เราได้กลับมาทบทวนว่าชีวิตที่ผ่านมาและที่กำลังดำเนินอยู่นี้ ที่แห่งใดคือบ้านอันอบอุ่นปลอดภัยสำหรับเรา
จิ๋วแต่แจ๋ว เล็กแต่ใหญ่ เป็นวลีที่ใช้เทียบเล่มนี้ได้จริง ๆ “วิชาคนตัวเล็ก” หนังสือที่ว่าด้วย 33 วิธีคิดที่จะช่วยให้เราเอาชนะอุปสรรคที่ใหญ่เกินตัวได้ ทั้งในแง่การใช้ชีวิต และในแง่ของการทำธุรกิจ ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ กันทั้งนั้น ถ้ากำลังแอบเล็งเล่มนี้ แต่ก็กังวลว่าจะเป็นฮาวทูเชิญสอนสั่ง อ่านเข้าใจยาก ขอบอกว่าปัดทิ้งความกังวลนั้นไปได้เลยแล้วเอฟเล่มนี้ซะ
คุณพูนลาภ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ และเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์วีเลิร์น บอกเล่า ถ่ายทอดเรื่องราวของคนตัวเล็กที่ฝ่าปัญหานานาชนิดจากการ “ค่อย ๆ” ได้สนุกและน่าสนใจมาก ๆ เพราะมันไม่ใช่แค่การมาแชร์วิธีคิดหรือสูตรสำเร็จ แต่วิธีคิดเหล่านั้น (ที่ผ่านการลองผิดลองถูก สมหวังและผิดหวังมามากมาย) ถูกนำมาย่อยให้เข้าใจง่าย อ่านเพลิดเพลิน และช่วยพลิกมุมมอง สร้างแรงบันดาลใจ จุดไฟฝันให้ลุกโชนได้อย่างไม่น่าเชื่อ คงเป็นเพราะจังหวะการเล่าที่สนุกสนาน กะทัดรัด แต่สื่อสารได้อย่างตรงไปตรงมา และแต่ละบทจำนวนหน้าไม่เยอะ เลยทำให้ตอนที่อ่านเล่มนี้ ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านฮาวทูหรือหนังสือพัฒนาตนเองอยู่เลยสักนิด แต่ได้อารมณ์เหมือนนั่งฟังเรื่องราวสนุก ๆ จากพอดแคสต์สักช่องที่ได้แง่คิดดี ๆ มาปรับใช้กับชีวิตตัวเองมากกว่า
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าแค่อ่านหนังสือวันละหน้า ชีวิตเราก็เปลี่ยนไปได้มากจริง ๆ “สโตอิกรายวัน” คือหนังสือเล่มนั้นที่จะค่อย ๆ ชวนเราขยับความคิดไปวันละนิด มีความสุขกับการใช้ชีวิตไปวันละหน่อย แต่พอครบจบลูป มุมมองที่เรามีต่อโลก ต่อสังคม ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แถมยังวนอ่านใหม่ได้เรื่อย ๆ ทุกปี เพราะเป็นข้อคิดรายวันจากหลักปรัชญากรีกโบราณ 366 ข้อคิดที่ย่อยง่าย สร้างแรงขับภายในให้เรามีไฟตั้งรับกับปัญหาได้อย่างมีสติ แค่พลิกอ่านไปทีละหน้า ก็เหมือนปรับชีวิตจาก A life เป็น A good life ได้ทุกวัน
ซึ่งถ้าลองค้นรีวิวหนังสือเล่มนี้ดู จะเจอประโยคคล้าย ๆ กันจากนักรีวิวหลายคนว่าเล่มนี้ เป็น A life changing book ของจริง ความน่าสนใจคือ สโตอิกรายวัน ไม่ใช่หนังสือที่ต้องอ่านรวดเดียวจบเพื่อเปลี่ยนชีวิต แต่มันเป็นคู่มือที่คล้ายกับเป็นไกด์ส่วนตัว พร้อมพาเราออกสำรวจวิธีสร้างความสุขที่ใช่ให้กับตัวเองในทุกวันจนค้นพบชีวิตที่สุขสงบไปตลอดทั้งปี
เรื่องการมองคนให้ทะลุปรุโปร่งนี่เป็นเรื่องยากเย็นมาแต่ไหนแต่ไร เราไม่มีทางรู้จริง ๆ หรอกว่าคนที่เข้าหาเราหรือคนที่เราต้องเข้าไปพัวพันด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง จะมาไม้ไหน และจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดีไหม เมื่อเวลาผ่านไป เราอาจใจดีกับใครบางคนมากไปจนถูกเอาเปรียบ เราอาจรักใครบางคนมากไปจนถูกควบคุมชีวิต เราอาจเกรงใจหัวหน้าบางคนมากไปจนถูกหลอกใช้ ฯลฯ สารพัดสิ่งลวงหลอกที่เรามักโดนเล่นงานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว มารู้อีกทีก็ตอนเจ็บปางตายหรือจมอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ จนมูฟตัวเองไปไหนไม่ได้แล้ว เลวร้ายกว่านั้นคือ ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเลือกเผชิญ
“ไปกันต่อหรือพอกันที” เป็นไกด์ที่จะพาเราฝ่าฟันทุกดรามา พลิกมุมมองเรื่องการมองคน และช่วยให้เราคัดกรองคนที่จะอยู่หรือไปในชีวิตได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะในมิติของคนที่ทำงาน คนในครอบครัว คนรัก หรือเพื่อนสนิท ด้วยการบอกใบ้วิธีดู “สัญญาณเตือน” หรือ Red flag - Green flag ศัพท์ที่เรามักจะเห็นกันบ่อย ๆ ในประเด็นเรื่องความรัก ความน่าสนใจของเล่มนี้คือ ไม่ใช่แค่บอกสัญญาณเตือนว่าสถานการณ์ไหนที่ปลอดภัย และสถานการณ์ไหนที่อันตรายจนต้องรีบดีดตัวออกมาโดยด่วน แต่ยังช่วยให้เราฝึกการจับสังเกต เฝ้ามองผู้คนและเหตุการณ์ เพื่อหาสัญญาณและประเมินสถานการณ์ว่าจะหมู่หรือจ่า แล้วเราจะตัดสินใจกับสิ่งตรงหน้ายังไงต่อไป
พลิกมุมมองเรื่องชีวิตกับเรื่องคนกันแล้ว ขอพามาพลิกมุมมองเรื่องงานกันบ้าง กับเล่มนี้ “ทำงานได้ผล เริ่มต้นที่รู้สึกดี” เราไปสะดุดกับประโยค ‘ทำงานหนักจนปวดหลัง แต่ก็ยังไม่เก่งสักที’ คำโปรยเล่มนี้เขาแรงมาก 555 มันเจ็บจึ้งแต่เรื่องจริง ตั้งแต่สมัยเรียนมาจนถึงวัยทำงาน เรารู้สึกว่าตัวเราก็ทุ่มเทอย่างหนักมาโดยตลอด นั่งทำงานจนปวดหลัง อยู่จนดึกดื่นมืดค่ำ ไม่ได้ใช้ชีวิต แต่ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากที่เสียไป ในความเป็นจริงมันอาจจะเป็นการทุ่มทิ้งซะส่วนใหญ่ เพราะเหมือนเราพยายามผิดจุดผิดที่ จัดลำดับความสำคัญผิด ไม่ค่อยโฟกัสกับการบริหารจัดการเวลาในชีวิตประจำวัน อยากจะโปรดักทีฟ แต่ทำได้แปปเดียวก็หมดไฟ ผลลัพธ์เลยลงเอยด้วยความผิดหวังเสมอมา ทำอะไรไม่ค่อยมีความคืบหน้าให้เห็นเป็นรูปร่าง แถมสุขภาพจิตเสียอีก
ถ้าอยากจะปรับตัวเองให้เป็นคนโปรดักทีฟด้วย รู้สึกดีที่ได้ทำงานไปด้วย มันยากมากเลยนะที่สองอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้พร้อมกัน แต่หนังสือเล่มนี้ที่เขียนโดยคุณหมอ Ali Abdaal ที่ผันตัวมาเป็นอินฟลูฯ สายพัฒนาตัวเอง (มีคนติดตามกว่า 5 ล้านคน เลิศมาก) เขาบอกว่า ทำได้จ้า ในเล่มจะมีหลากหลายเคล็ดลับเลยที่ช่วยให้เราได้ฝึกพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่เก่งขึ้น ชีวิตโฟลว์ขึ้น ได้ทำสิ่งที่อยากทำมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ทำงานได้มีประสิทธิภาพ เพราะเราจะไม่หลวมตัวไปพยายามและเสียเวลากับอะไรที่ผิดที่ผิดทางอีกต่อไป เรียกได้ว่า ทำงานก็โปรดักทีฟ แถมมีความสุขไปพร้อม ๆ กันอีก เป็นอีกเล่มที่เชื่อว่าจะพลิกชีวิตของหลาย ๆ คนที่กำลังเบิร์นเอาท์กันอยู่แน่นอน
หนังสือ 5 เล่มพลิกชีวิตในปี 2024 ที่เราเอามาฝากเพื่อน ๆ ชาว B2S Club วันนี้ เรียกได้ว่าครบทุกมิติอยู่เหมือนกัน ทั้งเรื่องของงาน การใช้ชีวิต เรื่องของคนและความสัมพันธ์ ถือว่าเป็นคู่มือที่นอกจากจะแนะนำวิธีก้าวข้ามผ่านอุปสรรคใด ๆ ในชีวิต ปรับเปลี่ยนความคิดและมุมมอง มันก็ยิ่งตอกย้ำเรากลับมาข้อหนึ่งว่า เราควบคุมได้แต่สิ่งที่ควบคุมได้ค่ะ อะไรที่เราควบคุมไม่ได้ก็ต้องช่างมันไป การกลับมานึกย้อน ทบทวน และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าอะไรอื่นใดทั้งหมด
ชีวิตน่ะ ไม่ต้องรีบพลิกคราวเดียวให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ได้ ค่อย ๆ แงะ ค่อย ๆ ออกแรงพลิกไปวันละนิด รู้ตัวอีกทีพอถึงสิ้นปี เราอาจจะพบว่าเรามาไกลกว่าเดิมเยอะมากแล้ว และชีวิตเราอาจดีกว่าเดิมขึ้นมาก ๆ อย่างที่ไม่เคยคิดฝันก็ได้ ใครกำลังหาโพยเฉลยคำตอบของคำถามที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี หรือกำลังมองหาแรงบันดาลใจให้ก้าวผ่านพ้นปีไปได้ด้วยความหวังครั้งใหม่ เราหวังว่าลิสต์หนังสือจากร้าน B2S วันนี้จะให้คำตอบกับเพื่อน ๆ ได้นะคะ แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ มีหนังสือเล่มไหนที่อ่านแล้วมันจึ้ง เปลี่ยนชีวิตแบบสุด ๆ ไปเลยบ้าง