ฮ้ายฮายย ทักทายเพื่อนนักอ่านชาวคลับทุกท่าน ก่อนที่เราจะเริ่มป้ายยากันในวันนี้ เราอยากชวนเพื่อน ๆ ย้อนวันวานนึกถึงสิ่งที่เราสมัยยังเป็นหนอนหนังสือตัวน้อยเคยทำในร้านหนังสือกันสักหน่อย ส่วนตัวเราเนี่ย ตอนเด็ก ๆ เคยไปยืนอ่านหนังสือในร้าน B2S อยู่บ่อย ๆ เล่มไหนถูกใจก็เก็บค่าขนมหยอดกระปุกมาซื้อ และแทบทุกวันหลังเลิกเรียนก็มักจะแวะ B2S เพื่ออัปเดตหนังสือใหม่ ๆ ก่อนกลับบ้าน เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เหมือนโตมาด้วยกันกับเราเลย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังต้องแวะเวียนไปตลอด ๆ เลยล่ะค่า
และเนื่องในโอกาสครบรอบ 24 ปี B2S บทความนี้เราเลยจะมาป้ายยาหนังสือที่เคยสร้างความประทับใจ คอยอยู่เป็นเพื่อนในช่วงวัยเด็ก หลายคนอาจจะเคยอ่านบางเล่มมาแล้ว ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะหยิบมาปัดฝุ่นอ่านอีกครั้ง รับรองว่าน้องจะเป็นเหมือนไทม์แมชชีนพาย้อนเวลากลับไปสู่วัยเด็กของเพื่อน ๆ ได้ดีอย่างแน่นอน ส่วนตัวเราเองก็ชอบหยิบหนังสือเล่มโปรดในวัยเด็กมาอ่านซ้ำบ่อย ๆ เหมือนกัน ไม่แค่นั้น บางเล่มยังมีฉบับปรับปรุงที่ทางสำนักพิมพ์ได้เปลี่ยนปกใหม่ให้น่ารักกว่าเดิม ก็ไม่พลาดที่จะต้องซื้อมาเก็บ (ก็ของมันต้องมีอะเนอะ) อ่านไปก็ชวนให้คิดถึงตัวเราและความสนุกในวัยเด็กไปด้วยเลย เอาล่ะ! ถ้าเพื่อน ๆ พร้อมแล้วก็ก้าวขาขึ้นไทม์แมชชีนมา เราพร้อมป้ายยาทุกคนแล้ว
นิยายแฟนตาซีว่าด้วยการผจญภัยของเหล่ามนุษย์กึ่งเทพและสหายที่จำเป็นต้องออกตามหาสายฟ้าที่หายไปของเทพซุส ไม่เพียงแค่นั้น ภารกิจการกอบกู้ทั้งโลกให้ปลอดภัยจากสงครามของเหล่าเทพยังตกเป็นหน้าที่ของพวกเค้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผลงานของลุง Rick Riordan เจ้าพ่อนิยายแฟนตาซีที่ปลุกปั้นเหล่าเทพโอลิมปัสทั้งหลายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แค่นั้นยังไม่พอ ยังพ่วงมาด้วยลูก ๆ ของเหล่าเทพที่มารวมตัวกัน ณ ค่ายฮาล์ฟบลัด เพื่อฝึกฝนฝีมือการรบไว้รับมือกับเหล่าปีศาจที่คอยจ้องแต่จะบดขยี้และอาจจะเขมือบเหล่ามนุษย์กึ่งเทพด้วยในบางครั้ง หลายคนอาจจะเคยอ่านนิยายแฟนตาซีชุดนี้มาบ้างแล้ว หรือถ้าไม่เคยอ่านก็อาจจะเคยรับชมในรูปแบบของภาพยนตร์มาก่อน แต่ถึงแม้ว่าจะทำออกมาแค่สองภาคจากทั้งหมดห้าภาคด้วยกัน แต่ทาง Disney ก็ได้สานฝันให้กับแฟน ๆ ด้วยการสร้างซีรีส์ออกมาออนแอร์ทาง Disney+hotstar เป็นที่เรียบร้อย บอกเลยว่าเราเองก็ติดหนึบไม่แพ้เวอร์ชันหนังสือเลยค่ะ
เรื่องราวของเด็กชายผู้ถูกมองว่าเป็นเด็กเกเร จนเพื่อน ๆ และครูต่างก็ตีตัวออกหากไม่อยากอยู่ใกล้ เขามักถูกมองข้ามอยู่เสมอเพราะทุกคนเหนื่อยเกินกว่าจะสอนหรืออธิบายอะไรให้เขาเข้าใจ จนเมื่อวันหนึ่งเขาได้ถูกส่งตัวไปพบกับครูที่ปรึกษาคนใหม่ เธอมีชื่อว่า “มิสคาร์ล่า” เธอแตกต่างไปจากครูคนอื่นที่เขาเคยรู้จัก เธอเปิดใจและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น พูดคุยกับเขาอย่างจริงใจ จนบลัดเลย์ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นเด็กที่ดีขึ้น
เล่มนี้เป็นหนังสือที่น่าจะมีติดห้องสมุดทุกโรงเรียนก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ไม่ใช่แค่เหมาะกับเด็กหรือนักเรียนเท่านั้น แต่คุณครูหรือผู้ใหญ่เองก็สามารถอ่านได้เช่นเดียวกัน จะช่วยเปิดมุมมองในการที่ผู้ใหญ่จะสามารถเข้าไปสู่หัวใจของเด็ก ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจและเห็นความสำคัญของการอยู่เคียงข้างเด็ก ๆ ในทุกการเติบโตของเค้า เป็นอีกเล่มที่ควรค่าแก่การอ่านเพิ่มความอบอุ่นให้หัวใจเป็นอย่างมากค่ะ
ถ้าพูดถึงหนังสือที่เหมือนโตมาด้วยกัน จะไม่ป้ายยาเล่มนี้ก็คงไม่ได้ กับนิยายแฟนตาซีสุดจึ้งตราตรึงใจ ว่าด้วยโลกเวทมนต์กับเหล่าพ่อมดแม่มดแห่งโรงเรียนนฮอกวอตส์ มิตรภาพแสนน่ารักชวนให้ใจฟูของสามพ่อมดแม่มดตัวน้อยอย่าง แฮร์รี่ รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ ที่ร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับจอมมารที่หมายจะยึดครองโลกเวทมนตร์ ด้วยเรื่องราวที่ต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนปีแรกจนจบการศึกษา ก็ให้อารมณ์เหมือนเพื่อนที่โตมาด้วยกัน คนอ่านแบบเราอ่านไปก็อดที่จะรู้สึกผูกพันธ์กับเหล่าตัวละครในเรื่องไม่ได้ และคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นหนังสือวรรณกรรมเล่มแรก ๆ ที่หลายคนเลือกหยิบมาอ่าน ด้วยสำนวนการแปลที่อ่านง่าย และสนุกจนวางไม่ลง จะพูดว่าครองใจมักเกิ้ลทั่วโลกก็คงไม่เกินจริง เวลาผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ แต่ยังคงความสนุก ตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่กลับไปอ่านหรือชมภาพยนตร์เลยทีเดียว เรายกให้เป็น No.1 ในหัวใจเลยค่ะ
ขอเปลี่ยนมู้ดกลับมาที่วรรณกรรมเยาวชนสุดบีบหัวใจกันบ้าง อันที่จริงก็บีบทั้งหัวใจบีบทั้งน้ำตาของผู้อ่านได้เป็นอย่างดีกับเรื่องราวมิตรภาพที่งอกงามขึ้นในสถานที่เหนือความคาดหมาย ผลงานของนักเขียนชาวไอริช “จอห์น บอยด์” ที่ถ่ายทอดความสะเทือนใจในชะตาชีวิตของสองเด็กชายไร้เดียงสาวัย 9 ขวบ ในยุคสงครามนาซีที่ซึ้งกินใจจนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่มีชื่อเดียวกันกับหนังสือ
เรื่องเล่าผ่าน “บรูโน” ลูกชายของนายทหารระดับสูงของเยอรมัน ซึ่งตัวเค้าเองไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับสงคราม เขารู้แต่ว่าตัวเขา แม่ และพี่สาวต้องย้ายบ้านออกจากเบอร์ลิน ไปอยู่บ้านหลังใหม่ตามหน้าที่การงานของพ่อ บ้านใหม่นั้นไม่น่าอยู่เอาเสียเลย สิ่งเดียวที่เด็กชายเห็นก็คือค่ายขนาดใหญ่ที่มีรั้วเป็นลวดหนาม ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลังลวดหนามนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้าย เขารู้เพียงแค่ว่าหลังลวดหนามนั้นมีมิตรภาพที่งดงาม เพราะเขาได้รู้จัก “ชมูเอล” เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่สวมชุดนอนลายทาง เหมือนกับทุกคนที่อยู่หลังรั้วใส่กัน และเด็กผู้ชายคนนี้ กลายมาเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวที่บรูโนเหลืออยู่
สำหรับเนื้อเรื่องคร่าว ๆ ก็เศร้าตับพังแล้วใช่มั้ยคะ รับรองเลยว่าถ้าได้อ่านหนังสือแล้วติดใจ ไปหาหนังดูต่อจะได้อรรถรสมากขึ้นอีกแน่นอน
เป็นวรรณกรรมเยาวชนอีกเรื่องที่ถ่ายทอดเรื่องราวของมิตรภาพออกมาได้อย่างน่ารักจนใจน้วยเลยค่ะ ในเล่ม
ชาร์ล็อตแมงมุมเพื่อนรักจะเป็นความสัมพันธ์และมิตรภาพต่างสายพันธุ์ของเหล่าสัตว์ตัวน้อยอย่างหมูกับแมงมุม ในฟาร์มแห่งหนึ่ง ได้อ่านตอนเด็ก ๆ ก็แค่รู้สึกว่าสนุกและน่ารักดี แต่พอกลับมาอ่านตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หนังสือเล่มนี้กลับทำให้เราได้ตกตะกอนความคิดว่า “บางครั้งชีวิตก็ไม่สมหวังเสมอไป แต่ทุกอย่างลุล่วงไปได้เพราะเรามีเพื่อนคอยเคียงข้าง”
หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1952 และนับจนถึงปัจจุบันได้รับการตีพิมพ์ไปทั่วโลกกว่า 45 ล้านเล่ม แปลเป็นภาษาต่างๆ 23 ภาษา รวมถึงภาษาไทยของเราด้วยค่ะ ทั้งยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ทำให้หลายคนน่าจะคุ้นเคย หรือเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาแล้ว ส่วนตัวเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่เราชอบมากแล้วก็หยิบมาอ่านซ้ำบ่อย ๆเลยค่ะ
อีกหนึ่งเล่มที่เหมือนโตมาด้วยกัน และแน่ใจว่าทุกคนต้องเคยหยิบมาอ่านอย่างแน่นอน คือการ์ตูน
“ครอบครัวตึ่งหนืด” นั่นเองค่า การ์ตูนสอดแทรกความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่เค้าจะใส่ความรู้เข้าไปในเล่มแบบเนียน ๆ ทำให้อ่านไปแล้วไม่รู้สึกว่าเครียดเลย เพราะการนำเสนอเนื้อหาออกมาในรูปแบบของภาพการ์ตูน 4 สีทั้งเล่มเลย ทำให้เด็กอ่านได้ผู้ใหญ่อ่านก็ดี เนื้อเรื่องก็จะเกี่ยวกับครอบครัวของคุณโกโร่ ที่ดันมีวิกฤตทางการเงินในชีวิตอยู่เสมอ ทำให้ครอบครัวต้องช่วยกันเซฟค่าใช้จ่าย จนเกิดเป็นเรื่องราวสุดอลหม่านให้พวกเราได้อ่านกันนั่นเองค่ะ และด้วยความที่เป็นการ์ตูนชุดทำให้ตอนนี้เค้ามีออกมาวางขายหลายเล่มมากกกกกกก สายสะสมน่าจะถูกใจสิ่งนี้ สำหรับเราถึงจะไม่ได้หยิบมาอ่านสักพักแล้ว แต่ถ้าได้เข้าร้าน B2S ทีไรก็เป็นอันต้องแวะเวียนเข้าไปพลิกอ่านพาเองตัวเองย้อนวันวานไปสมัยมัธยมทุกรอบ (เพราะช่วงนั้นใครไม่อ่านคือพลาดมาก)
สั่งซื้อหนังสือการ์ตูนความรู้ครอบครัวตึ๋งหนืด คลิก
วรรณกรรมสุดคลาสิกของหมีตัวอ้วนและเหล่าผองเพื่อนสัตว์ตัวน้อยแห่งป่าร้อยเอเคอร์ อลัน อเล็กซานเดอร์ มิลน์ เขียนเรื่องนี้เมื่อปี พ.ศ. 2469 จากนิทานที่เล่าให้ลูกชายฟังก่อนนอน สู่วรรณกรรมขวัญใจเด็ก ๆ ทั่วโลก ในปัจจุบันนอกจากหนังสือแล้วทาง Disney ก็ได้รังสรรค์หมีพูห์และผองเพื่อนให้ออกไปผจญภัยในรูปแบบของภาพยนตร์อนิเมชั่นกันอีกด้วย ในเรื่องถึงแม้ว่าพูห์จะชอบพูดเสมอว่าตัวเองนั้นเป็นหมีที่มีสมองน้อยนิด แต่ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับปัญหา ตัวของเค้าเองสามารถผ่านมันไปได้ด้วยความคิดที่เรียบง่ายจนปัญหาลุล่วงไปได้ด้วยดี ถึงวันนี้ก็เกือบร้อยปีแล้วที่เรื่องราวของพูห์คอยสร้างแรงบัลดาลใจและรอยยิ้มให้กับผู้คน เราคิดว่าเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นคงเพราะพูห์สามารถมีความสุขได้ง่ายกับสิ่งธรรมดารอบตัวในชีวิตประจำวันของเค้า เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับความสุขที่ผู้ใหญ่เองสามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือเด็กเลยค่ะ
ครบแล้วทั้ง 7 เล่มสำหรับหนังสือ all time favorite ที่เหมือนโตมาด้วยกันกับเรา จุใจเพื่อน ๆ นักอ่านชาวคลับกันมั้ยคะ บางเล่มหลายคนอาจจะยังไม่เคยอ่านมาก่อน บางเล่มอาจจะเป็นเล่มโปรดของใครบางคน บางเล่มอาจจะเคยช่วยอยู่ข้าง ๆ คอยปลอบใจในวันที่รู้สึกแย่ หรือบางเล่มอาจจะเป็นหนังสือที่เปลี่ยนขีวิตของใครคนนึง
แม้เวลาจะผ่านไป เราอาจจะได้อ่านหนังสือสนุก ๆ อีกมากมาย แต่เราเชื่อว่าทุกคนจะไม่มีทางลืมหนังสือที่โตมาด้วยกัน เป็นความทรงจำดี ๆ อย่างนึงในวัยเด็กของทุกคนแน่นอนค่ะ