Paris Olympic 2024 พึ่งผ่านไป ไหนๆ ใครยังอินไม่หยุดบ้างง ? ตัวเราเองก็ยังอินและคิดถึงอยู่ เพราะมันเป็นการแข่งขันน่าตื่นตาตื่นใจมากเลยเนอะ สีสันของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ผ่านมา มีคอนเทนต์นอกเหนือจากเรื่องกีฬามาเอนเตอร์เทนเราหลายมิติมาก ไม่ว่าจะเรื่องเสื้อผ้า ศิลปะวัฒนธรรมฝรั่งเศสที่ทำให้โอลิมปิก 2024 มีเสน่ห์ มีมเท่ ๆ ที่กลายเป็นไวรัล ฯลฯ และที่พีกมาตั้งแต่เริ่มต้น ก็คือพิธีเปิดการแข่งขันที่บ่งบอกความเป็นฝรั่งเศสมาก ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นแรงกระเพื่อมอย่างดีที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ผู้คนอยากลุกขึ้นมาปลดแอกตัวเองให้เป็นอิสระ อยากพัฒนาตัวเอง อยากลองทำอะไรที่ท้าทายความสามารถ และใครบางคนอาจอยากลงมือค้นคุ้ยความฝันเก่าเก็บขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง
ที่ยกเรื่องการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาพูดเพราะว่ามันมีจุดเชื่อมอยู่อย่างหนึ่งกับการอ่านหนังสือ นั่นก็คือ มันช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราในวันที่ไม่มีใครมาบันดาลความสำเร็จและความสมหวังให้ มันช่วยย้ำเตือนเราว่า ความหวังอยู่ในมือเรา และความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยตัวเรา ทั้งหมดเป็นความพยายามของเราเอง ที่จะพาเราไปสู่จุดที่ดีกว่าและไกลกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ได้ ซึ่งการเอาชนะอุปสรรคและการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นสิ่งที่ฝึกกันได้ ไม่ว่าจะจากการเล่นกีฬาหรือการอ่านหนังสือ และที่มากไปกว่านั้น ทั้งสองอย่างนี้ยังมอบแรงบันดาลฝันให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพื่อไม่ให้เสียเวลา วันนี้เราจะมาป้ายยาหนังสือดีที่นักอ่าน (และนักดอง) ควรจะได้อ่านสักครั้งในชีวิต เผื่อว่าในบางถ้อยคำ บางประโยคในหนังสือเหล่านั้น จะปลุกเราให้ตื่นจากความซึมเซา และจุดประกายไฟในใจ ให้มีหวังในการเริ่มต้นใหม่ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม
เพื่อน ๆ คิดว่า การจะทำอะไรให้สำเร็จสักอย่าง เป็นเรื่องยากมั้ยคะ แน่นอนว่าคำตอบอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความพยายามและแรงจูงใจที่เรามีต่อสิ่งสิ่งนั้น สำหรับเรา พอได้รู้ที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นหนังสือ “ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ” เรากลับรู้สึกว่าสิ่งยาก ๆ เหตุการณ์ร้าย ๆ ที่ตัวเองเคยผ่านมา กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลยเมื่อเทียบกันแล้ว
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยชายชาวฝรั่งเศส ฌ็อง-โดมินิก โบบี้ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร ELLE เป็นเรื่องราวอัตชีวประวัติของเขาช่วงที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เขาแทบกลายสภาพเป็นผักเพราะเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เกิดภาวะอัมพาตทั้งตัว จะมีก็แต่สมองที่ยังทำงานปกติ และเปลือกตาข้างซ้ายกับศีรษะที่พอขยับได้ ด้วยความมุ่งมั่นและความรักในการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวอักษร โบบี้ไม่ยอมแพ้ เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาด้วยวิธีการเลิกเปลือกตาขึ้น เมื่อผู้ช่วยถ่ายทอดเรื่องราว ขานพูดตัวอักษรในชุด ESA ที่เรียงตามลำดับความถี่ของตัวอักษรที่ใช้บ่อยในภาษาฝรั่งเศสไปทีละตัวทีละตัว
กว่าจะมาเป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตในเล่มเดียวเล่มนี้ ต้องอาศัยความอดทน ความรัก และความมุ่งมันตั้งใจอย่างแรงกล้ามหาศาล ซึ่งไม่เพียงแค่จากผู้เขียน แต่ยังรวมไปถึงจากคนรอบตัวโบบี้มากมายที่มีส่วนช่วยให้หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์สำเร็จ ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้ เราว่าเพียงพอแล้วที่ทุกคนควรจะได้อ่านสักครั้งในชีวิต เพื่อต่อเติมความหวังในการใช้ชีวิตให้เต็มเปี่ยมต่อไป
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อหนังสือเล่มนี้กันแล้ว แต่ยังไม่เคยอ่านเพราะคิดว่าอาจเป็นหนังสือวรรณกรรมเด็กทั่วไป และเหมาะแค่ให้เด็กเล็ก ๆ อ่าน ความจริงแล้ว "โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง" มีอะไรมากกว่าที่เราเห็นจากชื่อกับปก และหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่หนังสือที่เหมาะแค่กับเด็กเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับคนทุกวัย เพราะต้องผ่านการเรียนรู้กันตลอดทั้งชีวิต
วรรณกรรมเล่มนี้ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์จริงของผู้เขียน เล่าถึงเรื่องราวของเด็กหญิงโต๊ะโตจังที่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนตอนอยู่ชั้นประถมฯ หนึ่ง เพียงเพราะโต๊ะโตะจังอยู่ไม่นิ่ง ซุกซนตามประสา ทำให้ถูกลงโทษอยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุดก็ถูกไล่ออก แม่ของโต๊ะโตะจังจึงพาเธอไปโรงเรียนใหม่ ซึ่งเธอตื่นเต้นมากเป็นพิเศษเพราะโรงเรียนใหม่แห่งนี้เป็นตู้รถไฟ
เรื่องราวจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป คงไม่ต้องบอกเลยค่ะว่าจะน่าสนุก น่าติดตาม และอบอุ่นหัวใจขนาดไหน เชื่อว่าถ้าทุกคนได้อ่าน นอกจากจะเอาใจช่วยโต๊ะโตะจังไปตลอดทาง สนุกสนานและลุ้นไปกับเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในหนังสือ เราอาจหวนนึกย้อนไปในความทรงจำเมื่อครั้งเรายังเด็ก ซึ่งไม่ว่าจะเต็มไปด้วยความทรงจำที่มีความสุขหรือไม่ หรือจะเคยรู้สึกว่าตนเองแปลกแยกขนาดไหน ก็จะถูกเติมเต็มและเยียวยาด้วยพลังใจดี ๆ ที่เปี่ยมล้นออกมาจากหนังสือเล่มนี้
ไม่ว่านักอ่านอย่างเรา ๆ จะอยู่ในวัยเรียนหรือวัยทำงาน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างก็เฝ้ามองหากันมาตลอด คือ ความสัมพันธ์ที่ดี และว่ากันตามตรงแล้ว การที่เราจะสามารถบาลานซ์สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้ดี มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หรือแม้จะไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำมากมายนัก แต่ก็ยังมีพลังใจสู้ต่อไปได้ ก็มักจะเกิดจากการที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีนี่แหละ โดยเฉพาะคนที่เราเฝ้าภาวนาอยากให้เป็นคู่ครองที่จะรักกันไปตลอดชีวิต
ซึ่ง “How to Not Die Alone ทำอย่างไรไม่ให้ตายอย่างโดดเดี่ยว” เป็นหนังสือฮาวทูที่จะช่วยเราหาคำตอบว่า ทำอย่างไร เราถึงจะมีความสัมพันธ์ที่ดี มีความสุข และยืนยาวได้ ผ่านความรู้ด้านจิตวิทยาของนักเขียนและนักพฤติกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard เพื่อให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น และเรียนรู้ที่จะมีความสัมพันธ์ที่มั่นคง ไม่ฉาบฉวยอย่างที่ผ่านมา
จำได้ดีว่าตอนที่เราอ่านวรรณกรรมเล่มนี้จบ เราอยากออกไปผจญภัย ใช้ชีวิต เดินทางตามความฝันทันทีเลย ประทับใจกับหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้มาก และเชื่อว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านเล่มนี้ ก็จะรู้สึกมีแรงฮึด อยากออกเดินทาง อยากลุกขึ้นมาทำตามความฝันของตัวเองไม่ต่างกัน
ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน เป็นวรรณกรรมจากนักเขียนชาวบราซิลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Paulo Coelho เล่าถึงเรื่องราวของซานติอาโก เด็กหนุ่มเลี้ยงแกะที่ฝันถึงขุมทรัพย์ในพีระมิดจนอยากรู้ว่าที่ฝันแบบนี้ถึงสองครั้งมีความหมายยังไงกันแน่ เขาจึงได้พบกับชาวยิปซีทำนายฝันและชายลึกลับ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญบางอย่าง เหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กหนุ่มคนนั้นไปตลอดกาล
ถ้ากำลังมองหาหนังสือที่เขียนโดยนักเขียนซึ่งได้รางวัลการันตีระดับโนเบลมาอ่านสักเล่ม “บอด” ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งเล่มในลิสต์นั้นที่ทุกคนควรลอง
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย โชเซ ซารามาโก นำเสนอเรื่องราวสุดโกลาหลที่จู่ ๆ คนทั้งประเทศก็เป็นโรคตาบอดขึ้นมา จุดเริ่มต้นยังวายป่วงขนาดนี้ ลุ้นแทบแย่ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป จบแบบไหน ในเล่มนี้นอกจากจะได้เห็นประเด็นปัญหามากมายที่สะท้อนมาสู่ความเป็นจริงในชีวิตเราทั้งเรื่องอำนาจ ลำดับชั้น ปัญหาทางสังคม รวมไปถึงข้อขบคิดทางศีลธรรม ปรัชญา ก็ยังมีสัญญะที่สื่อสารมาถึงเราอีกว่า บอด อาจเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นได้ทั้งกับทางกายภาพ และกับใจคน
ใครกำลังหลงทาง ไม่รู้จะเอายังไงต่อ สับสนกับเส้นทางที่เลือกเดิน ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องงาน หรือการใช้ชีวิตในแต่ละวัน “ชีวิตที่ร่างเอง” จากปลายปากกานักเขียนที่เรารู้จักกันดีอย่างนิ้วกลม จะมาเป็นคู่มือ (ที่แค่มีไว้ข้างหมอนก็อุ่นใจ) ที่ทำให้เราได้กลับมาเซ็ตซีโร่ความคิด รีสตาร์ทชีวิตตัวเองใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง ด้วยการเริ่มร่างแผนที่ชีวิตที่เป็นเวอร์ชันของเราเองจริง ๆ ขึ้นมา โดยไม่ต้องไปสนใจชีวิตของใคร แต่กลับมาโฟกัสที่ความหมายและความสุขในการใช้ชีวิตในแบบที่เราเลือกเอง แม้ต่อให้ตอนนี้เราจะไม่ได้รู้สึกว้าวุ่นหรือสับสนอะไรในชีวิต เล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่จะช่วยยืนยันให้เราเชื่อมั่น หนักแน่น พึงใจกับการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าในแบบฉบับของตัวเองค่ะ
ถ้าให้นึกชื่อการ์ตูน หรือวรรณกรรมที่ทุกคนรู้จัก ไม่ว่าจะยุคไหนวัยไหนเจนไหน “วินนีเดอะพูห์” ก็ยังคงเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกออก ร้องอ๋อ ซึ่งที่มันคลาสสิกมากจนอยู่มาทุกยุคทุกสมัย ก็เพราะวินนีเดอะพูห์เป็นวรรณกรรมที่นอกจากจะสนุก อ่านเพลิน ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และถ้าจะให้ลึกซึ้งกว่านั้น พูห์ ยังเป็นกระจกสะท้อนให้เรามองเห็นตัวเอง ทั้งในตอนที่ยังเป็นวัยเด็ก เปี่ยมไปด้วยความสดใสและความฝัน ไม่คิดไม่ทำอะไรให้ซับซ้อนเหนื่อยยาก กับในตอนที่โตขึ้น ณ ปัจจุบัน กำลังฝ่าฟันกับเส้นทางที่เลือกเดิน ซึ่งมีแต่อะไรที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ จนบางทีก็รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตยากเกินไปรึเปล่า ไม่เหลือพื้นที่ให้กับความเยาว์ ความสนุก ความใสซื่อธรรมดา เหมือนเมื่อครั้งที่เรายังเป็นเด็กเลย
วินนีเดอะพูห์ เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่จะพาเราไปเรียนรู้และทำความเข้าใจมุมมองความคิด ความเรียบง่ายของการใช้ชีวิต ผ่าน พูห์ เจ้าหมีผู้น่ารักไร้เดียงสาที่คิดอะไรซื่อ ๆ แบบเด็ก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาไปได้ด้วยดี
จากชื่อหนังสือก็รู้ได้ทันทีว่าหากมันพูดได้ หนังสือเล่มนี้ก็คงจะเบรกเราด้วยประโยคที่ว่า พักก่อน อย่าคิดไปไกลถึงวันพรุ่งนี้ แค่มีความสุขกับตอนนี้ ทำปัจจุบันให้ดีเท่าที่จะทำได้ก็พอแล้ว
“Ichigo Ichie ละเลียดปัจจุบัน ดื่มด่ำชีวิต” เป็นหนังสือพัฒนาตัวเองที่นำเอาแนวคิดอิชิโกะ อิชิเอะ ปรัชญาการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น มาช่วยย้ำเตือนให้เราเห็นความพิเศษและคุณค่าของเวลา เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันให้เป็น ไม่ปล่อยโอกาสให้เลยผ่าน และสนุกกับการตั้งเป้าหมายในชีวิตอย่างเป็นอิสระ
จะเห็นว่า จากหนังสือทั้งหมดที่เราเอามารีวิวกันพอหอมปากหอมคอ ทั้งวรรณกรรมและฮาวทูต่าง ๆ บางเล่มแค่ได้รู้ที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นหนังสือเล่มนั้น ก็เชื่อว่าเพื่อน ๆ B2S Club คงได้แรงบันดาลใจและข้อคิดไปปรับใช้กับตัวเองกันแล้ว ไม่ต้องบอกเลยว่าถ้าได้อ่านจนจบ จะยิ่งได้อะไรมากกว่าแค่แรงบันดาลใจขนาดไหน
ต่อให้ผ่านพ้นช่วงพีก ๆ อย่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกไปแล้วก็อย่าหยุดอ่านหนังสือกันนะคะ เรามันนักสู้ ต้องอ่านมาราธอนกันยาว ๆ ให้พีกยิ่งกว่านักกีฬาโอลิมปิกไปเลย 555 ใครที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือในลิสต์นี้ รีบไปร้านหนังสือ B2S แล้วเอฟสักเล่มในลิสต์นี้มาอ่านสักครั้งในชีวิตไปด้วยกันนะคะ