“โตขึ้นอยากเป็นอะไร?” หลายๆ คนคงเคยโดนถามคำถามนี้กันมาตั้งแต่จำความได้ และก็คงมีหลากหลายคำตอบที่เปลี่ยนไปตามช่วงวัย บางคนทั้งอยากเป็นหมอ คุณครู พยาบาล หรือวิศวะกร แต่ยิ่งโตขึ้น เรายิ่งได้รู้ว่าบนโลกนี้ยังมีอาชีพอีกเยอะมากๆ ที่เราไม่เคยรู้จักแต่น่าสนใจสุดๆ ซึ่งก่อนจะทำอาชีพนั้นๆ ด่านแรกที่เราต้องผ่านก็คือ การค้นหาตัวเองให้เจอ และได้เข้าเรียนในคณะ มหาวิทยาลัยที่ใช่ และการจะตอบตัวเองว่าอยากเป็นอะไร อยากเข้าคณะอะไร ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางคนอาจหลงทาง บางคนอาจไม่รู้ใจตัวเองจริงๆ บางคนอาจไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
เพื่อไม่ให้น้องๆ หลงทางและเลือกเดินทางพลาด วันนี้ B2S CLUB จะชวนมาค้นหาตัวเองว่า เราอยากเป็นอะไร คณะที่ชอบ มหาวิทยาลัยที่ใช่ของเราจะเป็นคณะไหน กับ 6 Steps เลือกคณะที่ใช่แบบไม่มีพลาด ถ้าพร้อมที่จะค้นหาตัวเองแล้ว ตามมาดูกันเล้ย!
ลองลิสต์ออกมาว่า มีอาชีพไหนที่เราอยากทำ ซึ่งบางอาชีพเราอาจจะยังนึกไม่ออก หรือคาดไม่ถึงว่าจะมีแบบนี้ แนะนำให้ลองเสิร์ชอาชีพต่างๆ บนอากู๋ หรือศึกษาตามโซเชียลมีเดีย เพื่อเปิดมุมมองว่าบนโลกนี้ยังมีอาชีพอีกเยอะมากๆ ให้เราได้ลอง หลังจากนั้นลองเขียนออกมาสัก 10 อาชีพที่เราอยากทำ แล้วเรียงลำดับ 1-10 โดยเริ่มจากอาชีพที่เราชอบมากที่สุดก่อน และลดลำดับไปเรื่อยๆ มองหาเหตุผลด้วยนะว่าทำไมเราถึงชอบลำดับนั้นๆ น้ำหนักข้อดีและข้อเสียไปเลย จากนั้นลองดูว่าอาชีพที่เราอยากทำ ต้องเรียนคณะไหน ต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับอะไรบ้างถึงจะเรียนจบไปแล้วสามารถทำอาชีพนั้นๆ ได้ แล้วก็ลิสต์แยกย่อยออกมาว่ามีมหาวิทยาลัยไหนบ้างที่เปิดสอนเพื่อเตรียมตัวสอบต่อไป!
หลายคนเมื่อโดนคำถามตอนเด็กว่าอยากทำอาชีพอะไร ซึ่งคำตอบอาจจะอยากเป็นหมอ ตำรวจ คุณครู แต่เมื่อเราโตขึ้นความฝันก็อาจจะเปลี่ยนไป เพราะมีมุมมองที่กว้างมากขึ้น และค้นพบความชอบของตัวเองมากขึ้น ดังนั้น ช่วงของการตัดสินใจเรียนต่อแบบนี้ คงต้องหันกลับมาถามตัวเองใหม่ว่า ณ ตอนนี้ เราอยากทำอะไรมากที่สุด ยังเป็นความฝันเดียวกับเมื่อก่อนหรือไม่ และถ้าไม่ใช่แล้ว ทำไมเราถึงอยากเป็นสิ่งนี้ในตอนนี้ จากนั้นก็เริ่มมองหา ว่าคณะไหนที่จะเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่เป้าหมายนั้น ซึ่งปัจจุบัน มีเวิร์คช็อปมากมาย และมีสื่ออินเทอร์เน็ตเยอะเยอะที่จะทำให้เรามีโอกาสเข้าไปลองทำ แล้วสังเกตว่าใช่สิ่งที่เราชื่นชอบจริงๆ ไหม ทำให้เรามีความสุขมากพอที่จะอยู่กับมันตลอด 4 ปีที่เรียนและตลอดชีวิตที่ต้องทำงานกับสิ่งนี้หรือไม่ ถ้าคำตอบคือ “ใช่” ก็ติดเทอร์โบ เร่งสปีดลุยเตรียมสอบให้เต็มที่ได้เลย
สำหรับ Step นี้ทำได้ง่ายมาก เพียงแต่เราอาจจะไม่เคยสังเกตว่าจริงๆ แล้วเราชอบทำสิ่งนี้ หลายคนชอบดูภาพยนตร์ เล่นเกม ฟังเพลง เล่นดนตรี วาดภาพ ทำอาหารหรือเบเกอร์รี รับสอนพิเศษ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้าน ดัดแปลง DIY งานช่างต่างๆ หรืออื่น ๆ สำรวจกิจกรรมที่เราชอบทำในเวลาว่างให้ดี เพราะสิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่าเราชื่นชอบและมีความสุขกับอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งนี่แหละ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาตัวเองเลยนะ บางคนชอบเล่นเกม อาจจะเหมาะกับการเป็นโปรแกรมเมอร์ หรือเกมดีไซน์เนอร์ บางคนชอบงาน DIY อาจจะเหมาะกับคณะสถาปัตยกรรมหรือออกแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งบางคนชอบแต่งตัวมากๆ อาจจะเหมาะกับการเรียนแฟชั่น ซึ่งการเริ่มต้นจากสิ่งที่ชอบทำนี่แหละ บอกตัวตนแม่นสุด!
สิ่งนี้สำคัญมากๆ นะทุกคน บางทีสิ่งที่ชอบก็ไม่ใช่สิ่งที่ถนัด ชอบแต่ทำได้ไม่ดี เดี๋ยววันนึงต้องท้อแท้มากแน่ ๆ เพราะทุกคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน และความถนัดเหล่านั้นแหละ คือสิ่งที่จะบอกว่าเราควรต่อยอดสิ่งที่มียังไงดี เช่น บางคนทำอาหารเก่ง หากเรียนคณะเกี่ยวกับการทำอาหาร ต้องได้ต่อยอดเป็นเชฟเก่งๆ ชื่อดังในอนาคตหรือบางคนร้องเพลงเก่ง ก็อาจเลือกเรียนเอกร้องเพลง พัฒนาตัวเองเป็นนักร้อง ไอดอลหรือทำงานสายบันเทิงต่อได้ ลองสำรวจตัวเองดูนะว่าทำอะไรได้ดี ถนัดทำอะไร ซึ่งความถนัดนี่ แหละจะเป็นสิ่งที่บอกว่าเราจะสามารถเรียนและรอดในคณะที่เลือกได้หรือเปล่า เพราะแค่ชอบไม่พอ เราต้องทำมันได้ดีด้วย!
โลกใบนี้ยังมีอะไรมากมายที่รอให้เราออกไปเจอ การที่เราอยู่แต่กับสิ่งเดิมๆ ในที่เดิมๆ ก็จะทำให้เราวนลูปกับความคิดของตัวเอง คิดไม่ออก หรือคิดไปเองแบบสุ่มๆ ว่าเราชอบอะไร อยากเรียนอะไร แต่คำตอบนั้นอาจจะไม่ใช่จริงๆ ดังนั้นในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเตรียมตัวแบบนี้ ต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้าง ลองเข้าอินเทอร์เน็ตอ่านหรือดูประสบการณ์ของคนที่ทำอาชีพต่างๆ แนวคิดมุมมองของมืออาชีพในสายอาชีพที่สนใจ หรือลองถามรุ่นพี่ที่เรียนในคณะนั้นๆ ว่าการเรียนเป็นยังไงบ้าง ก็จะช่วยให้เราได้คำตอบมากขึ้นว่านอกจากความชอบแล้ว สิ่งที่เรากำลังจะเลือกเหมาะกับเราไหม ใช่ที่สุดหรือยัง หรือหากการหาข้อมูล การถามคนอื่นๆ ยังได้คำตอบไม่มากพอ ต้องออกไปลงมือทำจริงๆ กับคลาสเรียน คลาสเวิร์คช็อปต่างๆ เพราะถ้ามันใช่ เราจะรู้เองได้ และมันจะทำให้หัวใจพองโตสุดๆ ไปเลย
ต้องบอกว่าข้อนี้สำคัญมากเลยทีเดียว เพราะคนรอบข้างจะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนตัวเรา ในสิ่งที่เรามองไม่เห็นตัวเอง บางคนอยู่กับตัวเองมากไป มักมองข้ามข้อดี-ข้อเสียของตัวเอง หรือมองไม่เห็นว่าข้อดี-ข้อเสียของเราคืออะไร การที่มีคนข้างๆ ที่ไว้ใจได้คอยบอก คอยแนะนำหรือสะท้อนในสิ่งที่เราเป็น จะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดมากยิ่งขึ้น คนรอบตัวจะช่วยหาคำตอบให้กับเรา ว่าจริง ๆ แล้ว ข้อดี-ข้อเสียของเราลงตัวกับอาชีพไหนมากที่สุด หรือคณะไหนมากกว่ากันจาก 1-10 ที่เราลองลิสต์มาใน Step ที่ 1 นั่นเอง ยังไงก็ลองถามพ่อแม่พี่น้อง หรือเพื่อนสนิทดูก็ได้นะ แต่ต้องฟังแล้วเก็บมาพิจารณา อย่าเชื่อคนอื่นไปซะหมด ต้องฟังเสียงหัวใจของตัวเองด้วย!
ส่วนการเลือกมหาวิทยาลัยที่ใช่ มีข้อแนะนำง่ายๆ คือ
และทั้งหมดนี้ ก็คือ 6 Steps ที่เราคัดมาให้น้องๆ ได้ลองนำไปคิดเพื่อที่จะได้เลือกคณะที่ใช่ มหาวิทยาลัยที่ตรงใจที่สุด! มาค้นหาคำตอบและค่อยๆ คิดกันไปในแต่ละ Step นะ ไม่ต้องรีบร้อน การค้นหาตัวเองเป็นอะไรที่ไม่ได้เจอในวันเดียว ลองทำสิ่งใหม่ๆ ให้หลากหลาย จะได้เจอว่าสิ่งไหนใช่ที่สุด และอย่าลืมว่าสุดท้ายแล้ว คณะที่ใช่มหาวิทยาลัยที่ชอบ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความถนัด และความสุขของตัวเราเองนี่แหละ เลือกให้ดี และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปลงสนามจริงกันเถอะ!