เช้าที่แสนสดใส ตื่นเช้ามาทุกคนทำอะไรเป็นอย่างแรกของวันกันคะ?
ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าหลาย ๆ คนตื่นนอนมาปุ๊ป ก็ไถโทรศัพท์ปั๊บเลยใช่ไหม ? รู้ไหมคะว่า กิจวัตรประจำวันแบบนี้ มันแสนจะไม่ดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตเลย เพราะเราเองก็เป็นคนนึงที่เคยทำแบบนี้เหมือนกันค่ะ จนวันนึงเรารู้สึกได้ว่า เราเริ่มหงุดหงิดง่ายมาก แถมสมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรนาน ๆ ได้เลย รวมถึงงานที่เราต้องทำหรือตั้งใจจะทำให้เสร็จในวันนั้น ก็ต้องเลื่อนไปทำวันอื่น ทำให้รู้สึกแย่กับตัวเองมาก ๆ
แล้วเราก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ ลุกขึ้นมาเปลี่ยนกิจวัตรตอนเช้า! หลังจากนั้นเราก็รู้สึกว่า เราค่อยๆ กลายเป็นคนใหม่ ที่ไม่หงุดหงิดง่ายอีกต่อไป สามารถจดจ่อและมีสมาธิกับการทำอะไรก็ตามได้นานขึ้น และสิ่งที่ต้องทำก็เสร็จตรงเวลา เวรี่กู๊ดมากๆ
วันนี้เราเลยหยิบหนังสือที่แค่เห็นชื่อเรื่องก็ทำให้รู้สึกว่า productive ขึ้นมาแล้ว แถมยังแนะนำในสิ่งที่ตรงกับประสบการณ์ของเรามาเมาท์ให้ทุกคนฟังกันค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นเล่มไหน และเนื้อหาคร่าว ๆ เป็นยังไงตามมาอ่านรีวิวเล่มนี้กันได้เลยค่า
หนังสือเล่มที่ว่าคือ “1 นาที ปาฏิหาริย์หลังตื่นนอน” เป็นหนังสือพัฒนาตัวเองอีกเล่มที่กำลังเป็นที่พูดถึง เขียนโดย คุณมัตสึดะ มิฮิโระ ผู้มีผลงานเขียนหนังสือแนวพัฒนาตนเองที่ได้รับการแปลไทยมาแล้วกว่า 4 เล่ม!
ขอบอกก่อนว่า ถึงหนังสือเล่มนี้จะบอกให้เราใช้เวลาหลังจากตื่นนอนอย่างมีคุณภาพ แต่ก็ไม่ได้บังคับว่าเราต้องตื่นเช้านะ แต่ตรงกันข้ามเลยคือ เราจะตื่นมาเวลาไหนก็ได้ แต่ต้องเลือกสิ่งที่เราจะทำหลังตื่นนอนให้ดี ซึ่งสิ่งนั้นจะต้องเป็นอะไรที่ทำแล้วรู้สึก ทำให้ตัวเองได้พัฒนา นี่แหละที่สำคัญกว่า
เนื้อหาในเล่ม
แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 บทด้วยกัน
บทที่ 1:
ในบทแรก ผู้เขียนจะเล่าถึงประสบการณ์ที่เกิดกับตัวเองโดยตรง เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าตัวได้ค้นพบวิธีตั้งคำถามกับตัวเอง เพื่อจัดลำดับสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันและเพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเองในวันนั้น ๆ ซึ่งเรารู้สึกว่าวิธีของเค้า เป็นวิธีที่ใช้ได้จริง ถ้าพูดง่าย ๆ คือ เหมือนเป็นวิธีดึงสติตัวเองหลังจากตื่นนอนนั่นเอง เช่น วันนี้เราจะทำอะไรบ้าง วันนี้เราอยากขอบคุณใครเป็นพิเศษ ตอนหมดวันเราอยากให้วันนี้เป็นวันแบบไหน ไม่ต้องถามวันละหลาย ๆ ข้อก็ได้ และจากการทดลองทำตามมาแล้ว เราว่ามันเวิร์กสุด ๆ อาจเริ่มด้วยคำถามง่ายๆ เช่น หลังจากอาบน้ำ กินข้าวอะไรก่อนเริ่มงานดี แค่นี้ก็ได้เลยค่ะ แล้วค่อยพัฒนาไปถามตัวเองในเลเวลที่ยากขึ้นน้า
บทที่ 2:
รวม 30 นิสัยสำหรับทำ 1 นาทีในยามเช้า โดยจะแบ่งเป็น Question 10 ข้อ Action 10 ข้อ และ Plan 10 ข้อ ในบทนี้ เราว่านิสัยแต่ละข้อที่เค้าแนะนำให้เราลองฝึกทำ มันเป็นอะไรที่เราเคยมองข้ามมาตลอด หรืออาจจะไม่เคยมองเห็นด้วยซ้ำว่าการทำแบบนี้มันมีผลดีตามมายังไงบ้าง ขอยกตัวอย่างข้อที่เราชอบ 2 ข้อ คือ มองใบหน้าของตัวเอง เพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายและจิตใจ และ ให้แบ่งความสำคัญของชีวิตออกเป็น 5 ด้าน คือ ความอยู่ดีมีสุข ความสัมพันธ์ การเงิน เรื่องที่รู้สึกยินดี และการเติบโต จะช่วยให้ตอบคำถามตัวเองได้ว่าเราควรโฟกัสแต่ละด้านให้สมเป็นตัวเองมากขึ้นยังไง พอมาอ่านแล้วก็สะกิดต่อมเอ๊ะขึ้นมาเลย ในพาร์ทนี้ เราว่าถ้าลองฝึกมันจะเป็นการค่อย ๆ ดึงเราให้กลับมามีสติอยู่กับปัจจุบัน มีสมาธิกับสิ่งที่ทำมากขึ้น และให้รู้จักสำรวจ สังเกตตัวเองมากขึ้นด้วย
บทที่ 3:
ผู้เขียนจะสอนวิธีการใช้ “ใบเพิ่มประสิทธิภาพ” ที่ผู้เขียนคิดค้นขึ้นเอง ซึ่งเป็นเหมือนตัวช่วยให้การลงมือทำนิสัยทั้ง 30 ข้อในบทที่ 2 มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ผู้เขียนเค้าไม่ได้บังคับให้เราทำทุกข้อนะ เราสามารถเลือกทำข้อไหนก็ได้ตามที่เราอยากทำในวันนั้น ๆ ตามที่เราสะดวกได้เลย
ตัวอย่างข้อความในหนังสือ
“ยามเช้า เป็นจุดเริ่มต้นของวัน ดังนั้นใน 1 วัน จะเป็นวันที่แสนวิเศษหรือวันที่ไม่ได้เรื่องก็ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เวลายามเช้าอย่างไร”
“เวลาคือสิ่งเดียวที่ทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวผม หัวหน้าที่คุณไม่ชอบ คนที่คุณรักมาก
หรือตัวคุณเอง”
“จริงอยู่ว่างานที่ต้องทำเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือเราอยากรู้สึกแบบไหนตอนหมดวัน เพราะมันจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจได้อย่างมาก”
ความประทับใจ
เราชอบที่ผู้เขียนเค้าจะไม่ได้บังคับว่า คนอ่านต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ต้องทำแบบที่เค้าบอกเท่านั้นมันถึงจะเห็นผล แต่เป็นการชวนให้เราลองเปลี่ยนนิสัยแบบที่ไม่ได้กดดันเรา ให้เราลองทำเท่าที่เราอยากทำอย่างที่เล่าไปตอนแรก เป็นหนังสือแนวพัฒนาตัวเองอีกเล่มที่มีรูปแบบการนำเสนอเข้าใจง่าย ใช้เวลาอ่านไม่นาน ด้วยความหนาแค่ 222 หน้า อ่านง่ายแต่ได้อะไรกลับมาคิดเยอะ ใช้ภาษาในระดับที่ถ้าคนไม่เคยอ่านหนังสือแนวนี้มาก่อนก็อ่านได้ชิล ๆ แล้วก็ชอบที่เค้าจะไฮไลต์ข้อความหรือประโยคสำคัญ ๆ มาให้ด้วยแล้วในเล่ม เหมือนช่วยเน้นย้ำให้เราว่า ใจความสำคัญมันคือตรงนี้นะ อย่าลืมจำแล้วนำไปใช้ด้วยล่ะ!
ทำไมถึงควรอ่านเล่มนี้
เรามองว่าหนังสือเล่มนี้ เหมาะสำหรับใครก็ตามที่กำลังอยากเริ่มเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีบางอย่างของตัวเอง ซึ่งมันจะช่วยเป็นไกด์ไลน์ให้ได้ดี ถ้ารู้สึกว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ยังไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน อยากได้คำแนะนำแบบที่สามารถนำไปปรับใช้กับเราได้ ไม่ฝืนหรือรู้สึกว่ามันยากจนเกินไป จนทำให้รู้สึกเหนื่อยหรือรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย
สุดท้ายแล้ว เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเดินหน้าพัฒนาตัวเอง ได้เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และดีที่สุด เราเชื่อว่าถ้าทุกคนรักและรู้จักตัวเองมากพอ สิ่งที่ตั้งใจไว้มันจะไม่ยากเกินใจเราแน่นอน ลองแบ่งเวลาสักแค่ 1 นาทีหลังตื่นนอน เปลี่ยนทั้งวันของเราให้เป็นวันที่ดีกันเถอะ