ในที่สุด! เดือนแรกของปีที่แสนยาวนานนนน...ก็สิ้นสุดลง เดินทางมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักกันแล้ว ไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ นักอ่าน B2S มีคนกุมมือและหัวใจหรือยังนะ ? แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ใครยังไม่มีคนกุมมือกุมใจ เรามีหนังสือดี ๆ ที่จะช่วยโอบกอดและมอบความรักให้นักอ่านได้มาแนะนำ ส่วนใครที่อินเลิฟอยู่แล้ว ถ้าได้อ่านหนังสือธีมความรักก็อาจจะใจฟู อินเป็นพิเศษ รวมถึงเข้าใจความรักมากขึ้นกว่าที่เคย
ไม่รอช้า เพื่อให้เข้ากับธีมเทศกาลวาเลนไทน์ เราเลยจะมาแนะนำหนังสือน่าอ่านแนวจิตวิทยาความรัก ที่มีทั้งแบบพัฒนาตนเอง และนิยายน่ารัก ๆ ให้ฟินอินเลิฟในเดือนแห่งความรักกันไปเลย แต่บอกกันก่อนว่าหนังสือทั้งหมดในวันนี้ ไม่ได้มาในธีมความรักหนุ่มสาวแบบหวานชื่นอย่างเดียว บางเล่มอาจมีรสขม อ่านแล้วสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของความสัมพันธ์ ความไม่ราบรื่นสมหวัง บางเล่มก็เป็นมินิไกด์ให้เราได้รู้จักความรักมากขึ้น ไม่ว่าจะอินเลิฟหรือไม่อินเลิฟอยู่ก็ตาม และบางเล่ม ก็ชี้ให้เห็นว่าการรักตัวเอง ยังคงสำคัญที่สุด แม้ว่ารอบข้างจะไม่มีใครคอยโอบกอดเราตรงนั้น
เรื่องย่อ : เริ่มต้นกันด้วยหนังสือบันทึกประสบการณ์ ว่าด้วยเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ของหญิงสาวกับสามีที่กำลังไปได้สวยงาม แต่แล้ววันหนึ่ง ราวกับโลกจะล่มสลาย เมื่อสามีของเธอตรวจพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็ง โรคร้ายที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาประชิดลมหายใจจนอาการเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไต่ระดับไปจนถึงจุดที่ท้ายที่สุด ก็ไม่อาจฝืนกาลเวลาและความจริง สามีของเธอจากไปอย่างสงบ
ถึงแม้ว่าเล่มนี้จะเล่าถึงความรักที่ต้องพบเจอการสูญเสีย ทว่า กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวกมากมายที่ชวนให้นักอ่านทั้งผู้ที่กำลังเผชิญเหตุการณ์ใจสลายคล้ายกันนี้อยู่ หรือผู้ที่ผ่านมันมาได้แล้วอย่างเข้มแข็งสุดกำลัง ได้รีเซ็ตและปรับโฟกัสมุมมองความรักอีกครั้ง ความเสียใจอาจทำให้เรามีแต่คำถามในใจว่าทำไม ทำไมต้องเกิดเรื่องร้าย ๆ กับคนที่เรารัก ทำไมความรักถึงจบลงเร็วอย่างที่ไม่ทันตั้งรับ และไม่อาจจะรับไหวได้เลย แต่อย่างที่ชื่อหนังสือได้บอกเราไว้นั่นแหละ แม้คนที่เรารักจะจากไป แต่ความทรงจำทั้งดีและร้ายมันจะไม่หายไปไหนเลย นั่นต่างหากคือสิ่งที่ยังคงอยู่กับเรา ฉะนั้น มันจึงมีคำถามจากเล่มนี้สะท้อนกลับไปว่า เราจะเลือกจดจำวันที่แบ่งบาน หรือโรยรา…?
เรื่องย่อ : เชื่อว่าใคร ๆ ก็อยากสมหวังในความรัก อยากมีความรักโดยไม่อยากเจ็บกันทุกคนแหละ “แด่ฉัน...ในวันที่มีรัก” จึงเป็นเสมือนคู่มือที่ช่วยไกด์ให้เราได้เรียนรู้ที่จะรักอย่างมีความสุข ได้เข้าใจความรักในความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะกับเพื่อน คนรัก ครอบครัว หรือกับคนรอบข้างในสังคมการเรียนและการทำงาน ผ่านการบอกเล่าประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยนับหมื่นคนตลอดระยะเวลา 15 ปี ของผู้เขียนซึ่งมีอาชีพเป็นจิตแพทย์
เล่มนี้ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังสือพัฒนาตนเองเล่มนึง และเป็นเล่มที่เขียนโดยจิตแพทย์ชื่อดังของเกาหลีใต้ แต่จะบอกว่าอ่านง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากจะมีบทบรรยายแล้ว ในเล่มเค้าก็มีภาพประกอบสวย ๆ และมีข้อความสั้น ๆ ชวนให้เห็นความรักในมุมมองที่น่ารักและมีความหมายมากขึ้นด้วย
เรื่องย่อ : ชื่อหนังสืออาจจะชวนเจ็บจี๊ดสักหน่อย แต่ขอบอกว่าเป็นเล่มที่ช่วยให้เรายอมรับความจริงได้ดีขึ้นว่า ความรักมันก็ไม่ได้สุขสมหวังตลอดเวลา เนื้อหาภายในเล่ม เป็นเรื่องราวความรักจากเรื่องจริงของทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา ที่ผู้เขียนได้รวบรวมมาบอกเล่าให้ฟัง ซึ่งความน่าสนใจคือ เล่มนี้ยังเชื่อมโยงความรักไปในหลายแง่มุม เช่น ปัญหายอดฮิตในความสัมพันธ์ ความรักในมุมของ LGBTQ+ รวมถึงความเป็นวิทยาศาสตร์และปรัชญาศาสนาที่เชื่อมโยงมาถึงความรัก
เหนือสิ่งอื่นใด คีย์เวิร์ดสำคัญของเล่มนี้ที่นักเขียนตั้งใจจะบอกเราก็คือ เราเป็นแค่คนธรรมดา เราไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะสามารถทำให้ใครเปลี่ยนใจ หรือเปลี่ยนวิธีคิดของเขาเพื่อเราได้ ถึงจะเสียใจหรือยังคงติดอยู่ในวงเวียนความสัมพันธ์ที่ไม่สมหวังก็ไม่เป็นไรหรอก ให้เวลาตัวเองได้ค่อย ๆ เรียนรู้ไปก็ได้ เพื่อที่สักวัน เราจะไม่ให้คุณค่าและไม่เสียเวลาไปกับคนที่มองไม่เห็นความรักของเราอีกแล้ว
เรื่องย่อ : ใครอยากอ่านเรื่องราวความรักแบบนวล ๆ อบอุ่นหัวใจ ขอพามาทำความรู้จักกับวรรณกรรมแปลเกาหลีสุดน่ารัก (ที่อาจจะชวนหิวด้วยหน่อย ๆ ) “ขอให้รักครั้งนี้รสชาติอร่อยด้วยเถอะ” เป็นเล่มที่แค่ได้เห็นก็ใจฟูแล้ว เพราะน่ารักทั้งชื่อเรื่อง ภาพปก และแน่นอนว่าเนื้อหาในเล่มก็ชวนใจฟูไม่แพ้กันเลย อ่านแล้วจะรู้สึกว่าอยากเอาใจช่วยให้ตัวละครสมหวังในความรักแบบสุด ๆ
เรื่องราวของคิมอีซุก มินคังอ๊ก และยูโบมิน สามสาวเพื่อนรักแก๊งพลัสไซซ์ที่หลงใหลเรื่องการกิน จู่ ๆ วันหนึ่งก็มีจังหวะต้องมานั่งปรึกษาปัญหาหัวใจกัน เพราะคิมอีซุก นักเขียนสคริปต์ประจำรายการม็อกบัง ‘สาวสวยจอมตะกละ’ ดันตกหลุมรัก ฮาซองแจ พีดีหนุ่มคนใหม่ประจำรายการเข้า แต่ด้วยความที่โสดสนิทมาตลอด ประสบการณ์ความรักเป็นศูนย์ ไหนจะหุ่นสมบูรณ์ออกขนาดนี้ ตัวเธอเองก็ได้แต่คิดว่าเขาคงไม่มีทางมาสนใจเธอแน่ แต่เอาละ เพื่อความรักก็ขอลองดูสักตั้ง จะขอลองสานสัมพันธ์ผ่านเมนูจานเด็ดนี่แหละ น่าลุ้นสุด ๆ ว่าอีซุกของเราจะสมหวังกับรักครั้งแรกนี้มั้ยนะ…?
เรื่องย่อ : เล่มนี้ค่อนข้างเหมาะกับคนมีคู่ เพราะดูจะเป็นคู่มือ 101 รับจบสารพัดปัญหาและความหงุดหงิดใจที่เกิดขึ้นได้ในทุกความสัมพันธ์ (จริง ๆ คนโสดก็อ่านได้นะ จะได้ทำความเข้าใจความซับซ้อนของความคิดคน และการกระทำที่เราก็เคยมองว่า อิหยังวะ) หลายครั้งก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง จนเกิดคำถามเช่นว่า ทำไมผู้ชายถึงชอบเข้าข้างตัวเอง? ทำไมผู้หญิงชอบทำเหมือนมีใจแต่ไม่คิด? ทำไมทะเลาะกันทีไร ผู้หญิงก็ชนะตลอด? ทะเลาะกันยังไงให้รักกันมากขึ้นได้? ฯลฯ
“เหตุนี้จึงมีเรา Theory of Us” จึงเป็นเล่มที่จะมาช่วยตอบคำถาม ไขความกระจ่างปัญหาโลกแตกทั้งหลายในเรื่องรัก ๆ ด้วยทฤษฎีวิทยาศาสตร์และงานวิจัย อย่างน้อย ๆ ก็ได้มีแนวทางไว้แก้ปัญหาไปทีละเล็กละน้อย หรืออาจจะช่วยปลอบใจเราได้ในวันที่ความสัมพันธ์เปราะบาง
เรื่องย่อ : เล่มนี้เป็นนิยาย Coming of age หรือแนวก้าวผ่านวัย จากเด็กสู่วัยรุ่น หลายคนอาจจะมีเล็ง ๆ ไว้บ้างแล้วเพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าดีงามมาก แถมยังเป็นเรื่องที่นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ดังมาแล้วด้วย ให้ฟีลลิงเหมือนไทม์แมชชีนที่จะพาเรานั่งย้อนกลับไปในยุคแอนะล็อก พร้อมดึงความทรงจำในวันวานให้หวนคืนกลับมา ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงกลายเป็นเรื่องที่ถูกใจทั้งนักอ่านวัยรุ่นและผู้ใหญ่
เนื้อหาจะเล่าถึงเรื่องราวของชาร์ลี เด็กหนุ่มวัย 15 ปีที่มีบุคลิกลักษณะครบสูตรความเป็นอินโทรเวิร์ต ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ในห้องเรียนก็มักจะชอบนั่งอยู่มุมห้องและคอยเฝ้าสังเกตชีวิตคนอื่นเท่านั้น พอได้เลื่อนชั้นเป็นรุ่นพี่มัธยมปลาย ชีวิตก็เหมือนได้เริ่มต้น มีอะไรใหม่ๆ หมุนเวียนเข้ามา ทั้งการได้เจอเพื่อนใหม่ การได้มีรักครั้งแรก รวมถึงการได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับหนังสือ เทปเพลง สารพัดปัญหาและความสับสนวุ่นวาย รวมถึงประสบการณ์ที่เจ็บปวดในอดีต
เรื่องย่อ : ถ้าพูดถึงความรัก เรามักจะนึกถึงความรักในรูปแบบคู่หนุ่มสาว หรือคู่รักที่อยู่เคียงข้างกันไม่ว่าทุกข์หรือสุข และถ้าโดยทั่วไป ก็อาจจะนึกไปถึงความรักในแบบครอบครัวหรือเพื่อนฝูง แต่หลายครั้งเรากลับลืมไปว่า ความรักที่มีต่อตัวเราเอง ก็สำคัญไม่แพ้กับความรักที่เรามีให้คนอื่นเสมอมา
“เหนื่อยไหม กอดหัวใจตัวเองหรือยัง” จึงเป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเองแบบ Self-love ที่เราอยากแนะนำให้อ่านในช่วงเทศกาลแห่งความรักด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้มีเรื่องราวที่เจาะลึกถึงความรักความสัมพันธ์โดยตรง แต่เนื้อหาในเล่ม จะมีกรณีศึกษาเกี่ยวกับปัญหาความกังวลต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่ช่วยฝึกให้เรารักตัวเองมากขึ้นวันละนิด เหมาะมากสำหรับคนที่ช่วงนี้กำลังเผชิญปัญหาชีวิต หรือมีเรื่องกังวลบางอย่างในใจ แต่ไม่อาจให้กำลังใจตัวเองได้เลย อ่านแล้วจะฮีลใจได้มากขึ้น มีความสุขกับชีวิตมากขึ้น และจะใจดีกับตัวเองมากขึ้น ไม่ฝืนจิตใจให้เหนื่อยล้าจนเกินไป
จะเห็นว่าหนังสือในธีมความรักเนี่ย บางคนอาจมองว่ามีแต่เรื่องกุ๊กกิ๊กน่ารัก หวาน ๆ ใส ๆ แต่จริง ๆ แล้ว หนังสือเกี่ยวกับความรักน่ะ ไม่ได้มีแค่นิยายรักหนุ่มสาวที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งนะ หนังสือความเรียง หนังสือวรรณกรรม หนังสือฮีลใจ หนังสือนิยายที่ชวนเรามองความรักจากมุมอื่น ๆ ก็มีเยอะเหมือนกัน
7 เล่มในธีมหนังสือจิตวิทยาความรักที่เลือกมาแนะนำให้นักอ่านไปตำตามกันในวันนี้ หวังว่าจะโอบกอดหัวใจของทุกคนให้อุ่นในช่วงเทศกาลแห่งความรักไม่มากก็น้อยนะคะ เพราะแต่ละเล่มไม่เพียงช่วยให้เรามองเห็นความรักชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยให้มองเห็นความรักจากมุมอื่น ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ ยอมรับความเป็นไปที่มีทั้งเหลี่ยมมุมงดงาม และเหลี่ยมมุมที่บุบสลาย
ขอทิ้งท้ายไว้หน่อยนึงแล้วกันว่า แม้ความรักแบบหนุ่มสาวจะดูงามสะพรั่งอย่างที่สุดในบรรดาความรักทั้งหมด แต่ความรักในรูปแบบ Self-love และรูปแบบอื่น ๆ ก็งดงามไม่แพ้กันนะ แล้วอย่าลืมแวะไปซื้อหนังสือดี ๆ น่าอ่าน มาเติมชั้นหนังสือที่บ้านรับเทศกาลวาเลนไทน์กันที่ร้าน B2S นะทุกคน