ลูกติดมือถือกลายเป็นปัญหาแห่งยุคสมัยไปเสียแล้ว เมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูก ๆ และปล่อยให้โทรศัพท์หรือทีวีทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจเด็ก ๆ ในช่วงเวลาที่พ่อแม่สาละวนอยู่กับภาระงาน เด็กเล็กจะมีอาการสมาธิสั้น เสี่ยงเป็นโรคออทิสติกเทียม อาจไม่โต้ตอบหรือพูดคุยตามพัฒนาการแห่งวัย ก้าวร้าวและอารมณ์รุนแรงหากถูกขัดจังหวะ แต่จะทำอย่างไร ให้ปิดเทอมนี้ เด็ก ๆ จะไม่ติดหน้าจอจนเกินไป และทดแทนด้วยกิจกรรมใด ในช่วงเวลาที่เด็ก ๆ มีเวลาว่างล้นเหลือ
พ่อแม่นี่แหละที่เป็นคนใช้มือถือเลี้ยงลูกแทน จะเพราะด้วยภาระทางเศรษฐกิจ สภาพครอบครัวเดี่ยวที่พ่อแม่ต้องทำงานและดูแลลูกเอง ไม่มีผู้ใหญ่ช่วยเลี้ยงก็แล้วแต่ นั่นอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกติดมือถือ เพราะเป็นพ่อแม่เองที่ “หยิบยื่นมือถือให้ลูก”
ยิ่งเด็กเฝ้าดูหน้าจอตั้งแต่อายุน้อยเท่าไรก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อพัฒนาการมากเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาลูกพูดช้าหรือไม่พูด เพราะขาดการสื่อสารสองทาง สมาธิสั้นหรือออทิสติกเทียม สายตาบกพร่อง ความจำไม่ดี ขาดการเรียนรู้ พัฒนาการทางร่างกายช้า ขาดพัฒนาการทางสังคม ส่งผลให้กลายเป็นเด็กดื้อ ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่แก้ยาก
ฉะนั้นพ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกดูหน้าจอ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่าสองขวบไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เช่น ใช้มือถือหลอกให้กินข้าว หลอกให้หยุดงอแง หรือตัดรำคาญ พ่อแม่ควรหาเวลาคุณภาพกับลูก ชวนทำกิจกรรม อ่านหนังสือ เล่นกับลูก หากช่วงไหนที่ไม่ว่างจริงๆ ควรมีคนที่ช่วยดูแลลูกได้ รวมถึงฝึกให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ให้เป็นเวลา เมื่อพวกเขามีวินัยแล้ว ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
กิจกรรมที่ดีที่สุดสำหรับเด็กเล็กคือการได้ฟังนิทานจากคุณพ่อคุณแม่ ขอแนะนำนิทานเล่มนี้เลย “ขี่ไดโนเสาร์ไปห้องสมุด” ที่จะช่วยลูก ๆ ไปฟังเรื่องราวของเจ้าบรอนโตซอรัส ไดโนเสาร์ตัวน้อยที่ช่วยพาเพื่อนไปยังรู้จักห้องสมุด เพื่อฟังนิทานให้ทัน แต่เผอิญว่ามีเพื่อนตัวหนึ่งไม่มีบัตรห้องสมุดเลยเข้าไม่ได้ เหล่าไดโนเสาร์จะช่วยเพื่อนให้เข้าห้องสมุดทันเวลาได้อย่างไร ชวนลูกมาคิดแก้ปัญหาไปด้วยกัน
อีกหนึ่งนิทานดีที่เด็กควรอ่าน “มังกรน้อยหวงสมบัติ” นอกจากภาพสวย สีสันตื่นตาตื่นใจ และมีตัวละครเอกเป็นมังกรน้อยที่เด็ก ๆ ชื่นชอบแล้ว เล่มนี้ยังสอนให้ลูกรู้จักการแบ่งปัน ร่วมติดตามเรื่องราวของเจ้ามังกรขี้ขโมยและขี้หวงสุด ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัตว์ตัวไหนรักเขาเลย เจ้ามังกรจะยอมรับและแก้ไขตัวเองได้อย่างไร ชวนลูก ๆ มาเป็นกำลังใจกัน
สำหรับเด็กวัยเรียน พ่อแม่คงรู้สึกเบาใจได้เฉพาะแค่ช่วงเปิดเทอม แต่พอปิดเทอม เจ้าตัวน้อยก็ถามหามือถือมาไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา คงปฏิเสธยากสำหรับเด็กวัยเรียนที่คุ้นเคยกับการใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตกันเป็นอย่างดี แม้เด็กวัยนี้จะสามารถเล่นโทรศัพท์ได้ แต่ควรกำกับเวลาและประเภทเนื้อหาสื่อที่ลูกเสพให้เหมาะสม
เด็กอนุบาลไม่ควรอยู่หน้าจอเกินหนึ่งชั่วโมงต่อวัน ส่วนเด็กประถมไม่ควรเกินสองชั่วโมงต่อวัน การจะพาลูกห่างจากความสนุกตรงหน้า พ่อแม่จำเป็นต้องหา “สิ่งที่สนุกกว่า” มาทดแทน
เด็กวัยนี้สนุกกับการเรียนรู้นอกบ้าน พอเจอสิ่งแปลกใหม่ ได้ผจญภัย และไปในสถานที่ที่ไม่เคยรู้ การพาลูกไปทำกิจกรรมแคมป์ปิ้ง ไปเรียนรู้ชีวิตเกษตรกรที่ฟาร์มเกษตร เที่ยวพิพิธภัณฑ์ หรือแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ช่วยให้ลูกลืมมือถือไปได้
หรือวันไหนอยู่บ้าน ลองหากิจกรรมครอบครัวสนุก ๆ มาเล่นด้วยกัน เช่น เล่นกีฬา บอร์ดเกม หรือปลูกผักแล้วเก็บแต้มสะสมเพื่อรับรางวัลใหญ่ นอกจากลูก ๆ จะเพลิดเพลินแล้ว คุณแม่ยังหายเหนื่อยไปได้มากทีเดียว สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมสำหรับเด็กวัยนี้คือการมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อขโมยเวลาจากหน้าจอมาได้แบบลูกไม่ทันรู้ตัว เช่น การรับผิดชอบงานบ้าน ลองให้ลูกทำงานพิเศษ เช่น ขายขนม ขายของ ซึ่งนอกจากสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบแล้ว ยังสอดแทรกวิชาชีวิตเกี่ยวกับการเงิน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และสร้างความภาคภูมิใจให้กับลูกได้อีกด้วย
ดึงความสนุกหน้าจอมาอยู่กับของเล่นสนุกที่จับต้องได้จริง กับชุดระบายสียูนิคอร์น สุดคิวท์ที่มาเป็นเซตแบบมืออาชีพ ให้ลูกสวมบทบาทเป็นจิตรกรคนเก่ง ระบายสีบนผืนผ้าใบ ขนาด 30x30x1.5 ซม. ส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ แถมยังได้ผลงานมาเป็นของตกแต่งบ้านอีกด้วย ไม่แน่ว่าคุณอาจค้นพบพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในตัวลูกก็เป็นได้
อีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะกับเด็กวัยอนุบาล-ประถมต้น ที่ยังจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนกล้ามเนื้อมัดเล็ก (นิ้วมือ-มือ) เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน และช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองด้านการเรียนรู้ คงหนีไม่พ้น “การปั้น ขยำ ๆ”
ขอแนะนำแป้งโดว์สีสันสดใสที่เด็ก ๆ คุ้นเคย เซตเพลย์โดว์สุดสร้างสรรค์กับฟาร์มหมูสีชมพู ที่จะได้ลองปั้นลูกหมูน้อยด้วยตัวเอง มาพร้อมกับพิมพ์ลูกหมูที่ช่วยให้การปั้นง่ายขึ้น มีแป้งโดว์หลายสีให้ลองครีเอทผลงานที่ชอบ มีคอกหมูเป็นพร็อพให้เล่นแบบสมใจ รับรองว่า ลูกจะห่างหน้าจอได้เป็นชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนใครที่อยากให้ลูกเริ่มต้นการทำงานแบบง่ายๆ ด้วยตัวเอง อาจเริ่มต้นจากการเข้าครัวทำอาหารสนุก ๆ ด้วยชุดแป้งโดว์ซูชิ ชวนให้ลูกแปลงร่างมาเป็นเชฟซูชิครีเอทเมนูแสนอร่อยด้วยตัวเอง มาพร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบครัน ทั้งพิมพ์ซูชิ พิมพ์บีบเส้น และชุดเบนโตะ ที่ขอบอกว่าเหมือนจริงมาก
สำหรับเด็ก ๆ ที่มีแท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ไม่ว่าจะซื้อให้เพื่อการศึกษาหรือใช้ติดต่อสื่อสาร พ่อแม่ยังควรดูแลการใช้อุปกรณ์อย่างใกล้ชิด และสอนให้ลูกรู้ว่าเนื้อหาสื่อจากเว็บไซต์เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมเป็นอย่างไร เกมแบบไหนเล่นได้เล่นไม่ได้ สอนเรื่องวิจารณญาณในการเสพสื่อและวิธีการสังเกตกลโกงของมิจฉาชีพ การสั่งห้ามหรือต่อว่าเพียงอย่างเดียวไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องและอาจทำให้ลูกต่อต้าน ซึ่งจะยิ่งแก้ปัญหาได้ยากยิ่งเข้าไปใหญ่ พ่อแม่ควรตั้งกฎกติกาต่าง ๆ และทำข้อตกลงกับลูกตั้งแต่แรกเริ่ม พร้อมบอกถึงบทลงโทษหากลูกไม่ทำตามกติกาไว้ด้วย เพื่อให้ลูกยังมีอิสระในกรอบที่ถูกต้อง
เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่นที่ดูแลตัวเองได้มากขึ้น เป็นตัวของตัวเอง และไม่อยากอยู่ภายใต้การดูแลของพ่อแม่อีกต่อไป การให้อิสระ ใส่ใจในเรื่องที่พวกเขาสนใจ เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ พ่อแม่ต้องรู้จักอัพเดทเรื่องราวใหม่ ๆ ที่วัยรุ่นสนใจ แอพพลิเคชั่นไหนดี เพลงไหนฮิต เกมไหนสนุก เพื่อให้คุยกับลูกรู้เรื่อง ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจและไว้วางใจที่จะเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง หากเกิดเหตุร้ายจะได้ช่วยเหลือหรือให้คำปรึกษาได้ทันที
ถ้าปากบ่นว่าลูกติดมือถือ แต่พ่อแม่ยังไม่ละสายตาจากมือถือ บ่นแค่ไหนคงไม่ได้ผล ตัวอย่างที่ดีที่สุดของลูกคือพ่อแม่เสมอ ถ้าอยากให้ลูกใช้มือถืออย่างพอดี พ่อแม่ต้องเริ่มเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ทั้งเรื่องการกำหนดเวลาใช้งานและเนื้อหาคอนเทนต์ที่ดู
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์มือถือกำลังจะกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ที่ใคร ๆ ก็ขาดไม่ได้ เราสามารถทำได้เกือบทุกอย่างเพียงแค่มีโทรศัพท์ในมือ จะติดต่อสื่อสาร จะดูแผนที่ จะทำธุรกรรมการเงิน จะดูหนังฟังเพลง ก็ทำได้ในเครื่องเดียว แต่ก่อนที่เด็ก ๆ จะเกิดมาในยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีบทบาทในชีวิตประจำวันนั้นเล่า วิถีชีวิตของคนสมัยนั้นเป็นอย่างไร พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกเรียนรู้ชีวิตอีกมุมหนึ่ง ที่ทุกอย่างช้าลง ต้องอดทน รอคอย และใช้ความพยายาม ชวนลูกไปใช้เวลาด้วยกันโดยไม่มีมือถือ ชวนไปสัมผัสชีวิตเรียบง่าย เพื่อให้ลูกเสพความสุขจากสิ่งรอบตัวจริง ๆ ไม่ใช่ผ่านหน้าจอดูบ้าง เช่น ชวนลูกทำกิจกรรม แต่สำหรับลูกวัยรุ่นอาจเป็นเรื่องยากเสียแล้ว เพราะวัยนี้เขาสนใจเพื่อนและความสนุกจากเกมมือถือมากกว่า แต่พ่อแม่ยังสามารถมอบความสนุกให้ลูก พร้อมกับใช้เวลากับครอบครัวได้ด้วยบอร์ดเกมมันสุดขั้วอย่าง พลิกพิภพดาวอังคาร : ปฏิบัติการดาวศุกร์ พวกเขาจะได้ฝึกไหวพริบจากการวางแผนกลยุทธ์ การบริหารทรัพยากร เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ได้เร้าใจไม่แพ้ในเกมมือถือเลย
ส่วนใครที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ลึกลับ มีเงื่อนงำต้องไม่พลาดบอร์ดเกมแนวสืบสวนสอบสวนอย่าง ชมรมยอดนักสืบ ที่จะมีคดีฆาตกรรมปริศนา ให้ลูกสวมบทเชอร์ล็อก โฮล์ม เซตทีมยอดนักสืบให้ค้นหาสืบหาคนร้ายที่แท้จริงกัน