หากจะพูดถึงงานศิลปะที่มีลายเส้นแสนเรียบง่าย ทว่ายังคงเอกลักษณ์โดดเด่นและสื่อสารเรื่องราวได้อย่างตรงไปตรงมา ชื่อของ ‘ซันเต๋อ (SUNTUR)’ หรือ ยศนันท์ วุฒิกรสมวัติกุล คงเป็นชื่อที่ผุดขึ้นในความคิดของใครหลายคน
ด้วยดีไซน์ผลงาน ที่สามารถสื่อสารเรื่องราวได้อย่างตรงใจ ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซันเต๋อมีผลงานปรากฏมากมาย ทั้งในหนังสือ นิตยสาร งานโปสเตอร์ แพ็คเกจผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้า รวมถึงยังมีนิทรรศการของตัวเอง ที่เชิญชวนให้เหล่าผู้เสพศิลป์ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับงานของเขา ในฐานะผู้ชมและผู้วิจารณ์
สำหรับงานนิทรรศการของซันเต๋อ เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จและถูกพูดถึงในทุกๆ ครั้ง วันนี้ B2S CLUB จะพามาย้อนชมนิทรรศการที่ผ่านมาของเขา ก่อนที่จะชวนทุกคนไปดื่มด่ำกับผลงานครั้งล่าสุด
เริ่มตั้งแต่ “Zero Decibel” นิทรรศการครั้งแรกของซันเต๋อ มาในคอนเซ็ปต์ที่ว่าด้วยความเงียบเหงา นำเสนอผลงานผ่านลวดลายของภาพที่ค่อนข้างเรียบง่าย เน้นการใช้สีให้โดดเด่น แฝงเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากรอบตัว พร้อมพาทุกคนดำดิ่งลงไปสู่ความเงียบเหงาระดับ 0 เดซิเบล ใครที่เหงาอยู่แล้ว ไปสัมผัสงานของเขาครั้งนี้ ยิ่งเหงากว่าเดิมร้อยเท่าเลย
หลังจากนิทรรศการแรก ซันเต๋อกลับมาส่องประกายอีกครั้งกับนิทรรศการครั้งที่ 2 “A Little Letter from Someone Somewhere” ที่นำเอาศิลปะและดนตรีมารวมกัน โดยเขาได้หยิบเอาความรู้สึกจากสถานที่ต่างๆ ในบริบทที่ต่างกัน มาร้อยเรียงและส่งต่อราวกับเป็นจดหมายจากใครคนหนึ่ง จากที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งความพิเศษในนิทรรศการนี้คือ มีศิลปินกว่า 26 ชีวิต ที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานอันล้ำค่าไปพร้อมกับเขา
จากการเดินทางของนิทรรศการที่ประสบความสำเร็จทั้ง 2 ครั้ง นำมาสู่การเดินทางครั้งล่าสุด เกิดขึ้นภายใต้ชื่อ “Take Your Time” เป็นนิทรรศการที่ถ่ายทอดนาฬิกาชีวิตในห้วง 33 ปีของซันเต๋อ กลั่นออกมาจากความทรงจำ ทำให้เป็นรูปธรรมผ่านงานศิลปะ โดยมีคอนเซ็ปต์คือ “หยิบออกจนคงเหลือเพียงสิ่งสำคัญ” ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่สามารถนิยามการทำงานศิลปะ ณ เวลานี้ของเขาได้ดีที่สุด เรื่องราวทั้งหมด จะถูกถ่ายทอดบนผ้าแคนวาส 33 ชิ้น ที่เจ้าตัวรังสรรองค์ประกอบต่างๆ เอง ออกมาเป็นศิลปะที่ผสานเรื่องราวได้อย่างกลมกล่อม ลงตัวอย่างพอดิบพอดี และมีพื้นที่ว่างซึ่งเปิดกว้างให้กับผู้ชมทุกคน
Take Your Time จะพาเราไปสัมผัสกับบรรยากาศแห่งการแบ่งปัน การเรียนรู้ตัวตน และดื่มด่ำกับประสบการณ์ต่างๆ ที่สะท้อนผ่านภาพในแบบฉบับของซันเต๋อ ในแต่ละภาพ จะแฝงไปด้วยผู้คนและเหตุการณ์ที่ได้พบเจอมาตลอดชีวิต ทำให้ผู้ชมได้ใช้เวลาคิด ตรึกตรอง และตกผลึกไปพร้อมกัน
เริ่มต้นจากอุโมงค์ไทม์แมชชีนบริเวณทางเข้า ที่ได้ 4nologue มาร่วมสร้างสรรค์ดิจิทัลอาร์ตตลอดทาง ก่อนจะพาพวกเราไปทำความเข้าใจในชีวิตที่มีทั้งความสุข ความทุกข์ ความทรงจำ และการปล่อยวางในห้องแรก จากนี้ ทุกคนจะได้ชมเรื่องราวผ่านภาพแล้วภาพเล่า จนมาบรรจบที่ห้องแรกอีกครั้งกับภาพสุดท้าย เป็น Endless Journey ที่อยู่บริเวณทางออก และเป็นภาพที่เหมือนบทสรุปของการจัดแสดงในครั้งนี้
เมื่อออกจาก ณ ที่จัดแสดง คุณจะพบกับความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งซึ้ง เศร้า เหงา อยากหวนคืนอดีต ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่น่าเชื่อว่า เรื่องราวของศิลปิน จะสามารถเชื่อมโยงกับชีวิตของเราได้ในทุกขณะเช่นนี้ เราจึงอยากชวนคุณไปชมนิทรรศการในครั้งนี้ ใช้วันว่างๆ เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ไปกับกงล้อของเวลา และเข็มนาฬิกาที่ค่อยๆ เคลื่อนไปตามผลงานศิลปะตั้งแต่ชิ้นแรกจนถึงชิ้นสุดท้าย
ไปสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำค่าได้ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ – 23 เมษายน 2566 ณ RCB Galleria 2 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
ส่วนใครที่ชมนิทรรศการแล้ว อยากเก็บของที่ระลึกเอาไว้ จะมีร้านจำหน่ายบริเวณด้านใน สามารถเลือกเก็บสะสมได้หลากหลาย ทั้งโปสการ์ด แผ่นหอมปรับอากาศ เสื้อยืด และกระเป๋า รวมถึงกาแฟแคปซูลที่ตีความรสชาติมาจากภาพวาด 5 ภาพภายในนิทรรศการด้วย หรือในระหว่างนี้ ใครอยากเก็บผลงานของซันเต๋อที่ถ่ายทอดไว้บนปกหนังสือเล่มสวยน่าสะสม B2S CLUB มีหลายเล่มมาแนะนำเลย!
1. หนังสือ อยากตาย แต่ก็อยากกินต๊อกบกกี
หนังสือจากบันทึกที่ขีดเขียนขึ้นตามลำพังในห้องเล็กๆ ที่ไม่ใช่คู่มือแนะนำที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเอาชนะภาวะซึมเศร้า แต่มันเป็นคำแนะนำในการเปิดใจ สำหรับผู้คนที่ไม่ได้เป็นอะไร ให้สามารถมองเห็นถึงบาดแผลและช่วยปลอมประโลมคนรอบข้างได้
สั่งซื้อหนังสืออยากตาย แต่ก็อยากกินต๊อกบกกี
2. แล้วแต่ดาว และขั้วฟ้าของผม
นิยายวายโรแมนติกคอมเมดี้ ที่ถูกผลิตเป็นซีรีส์ชื่อดัง ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุก น่าติดตาม และโดนใจผู้อ่านแบบวางไม่ลง แถมยังได้ศิลปินคนสำคัญอย่างซันเต๋อมาออกแบบปก บอกเลยน่าสะสมสุดๆ
3. หัวใจมีหลิงซี
นิยายวายชื่อดังที่มีการเผยเบื้องหลังวงการบันเทิง นำเสนอเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างนักร้องหนุ่มชื่อ(ไม่)ดัง กับนักแสดงหนุ่มดาวรุ่ง เนื้อหาสนุก เข้มข้น ลุ้นไปกับทั้งคู่ แถมได้รู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในวงการด้วย
วันหยุดนี้ใครว่าง ต้องแวะไปใช้เวลา ‘Take Your Time’ ดื่มด่ำโมเมนต์ดีๆ
ที่ทำให้หวนระลึกถึงชีวิตบ้างแล้วล่ะ