หนังสือ 3 เล่มในบ้านสร้างพลเมืองเด็ก ส่งเสริมหนูน้อยมีพัฒนาการดี คุณพ่อ-คุณแม่แฮปปี้

 คนไทยอ่านหนังสือน้อยลงทุกปี อีกทั้งบทบาทของหนังสือในสังคมไทยก็เริ่มถูกลดทอนความสำคัญลงอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะในเด็กอายุ 0-3 ปี ซึ่งถือว่าเป็นวัยเรียนรู้และวัยแห่งการจดจำ เนื่องจากในช่วง 3 ปีแรกของชีวิต พัฒนาการของเด็กมีจะความสัมพันธ์กับพัฒนาการสมอง แต่ในขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาดังกล่าว พ่อแม่หรือผู้ปกครองส่วนใหญ่ กลับละเลยความสำคัญของพัฒนาการในช่วงนี้ จากผลกการสำรวจของกรมอนามัยเมื่อปี 2557 พบว่า เด็กเล็กในประเทศไทยมีพัฒนาการด้านภาษาล่าช้ามากที่สุดกว่า 38.2% ซึ่งพัฒนาการด้านภาษาเอง ก็มีความสัมพันธ์กับความสามารถด้านสติปัญญา 

สาเหตุของปัญหาพัฒนาการล่าช้าในเด็ก ส่วนหนึ่งมาจากการไม่ให้ความสำคัญกับการ ‘อ่านหนังสือ’ โดยพบว่า เด็กเล็กที่มีอายุต่ำว่า 5 ปีที่มีหนังสืออย่างน้อย 3 เล่มที่บ้าน มีเพียง 34% ซึ่งลดลงกว่า 41% จากปี 2557 และมีเด็กอายุ 0-3 ปีในประเทศไทย ที่ไม่มีหนังสือนิทานที่บ้าน 3 เล่ม กว่า 1.1 ล้านครัวเรือน สวนทางกับจำนวนการมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สูงถึง 533% โดยสถิตินี้ สะท้อนให้เห็นถึงผู้ปกครองที่ให้ความสำคัญกับ ‘การอ่าน’ ลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เด็ก ๆ มีปัญหาด้านพัฒนาการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ 

จากปัญหานี้ ก็ได้นำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายเชิงปฏิบัติการของภาครัฐ โดยการมุ่งเน้นสนับสนุนให้เด็กไทยที่มีอายุระหว่าง 0-3 ปีมี หนังสือนิทานที่บ้านอย่างน้อย 3 เล่ม เพื่อวางรากฐานของการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่วัยเริ่มต้น เมื่อนโยบายของภาครัฐจับมือกับสำนักพิมพ์ภายใต้ ‘การขับเคลื่อนเชิงนโยบายสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย’ ช่วยสนับสนุนให้คุณพ่อ-คุณแม่ยุคใหม่ หันมาใส่ใจกับการอ่าน เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยเริ่มต้นจากสถาบันครอบครัว ขยายสู่การสร้างสังคมที่เข้มแข็ง้ให้เด็กๆ พร้อมเป็นต้นกล้าที่จะเติบโตเป็นคนคุณภาพของสังคมต่อไป 

การอ่านหนังสือในครอบครัว นอกจากจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กให้เหมาะสมกับช่วงวัยแล้ว ยังมีความสัมพันธ์กับพัฒนาการด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น...

1. พัฒนาทักษะด้านภาษา เพราะการอ่านจะช่วยเสริมสร้างการออกเสียงขั้นพื้นฐาน และทำให้เด็กได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ โดยเฉพาะหนังสือที่ออกแบบให้มีการอ่านและการออกเสียง้ใกล้เคียงกับการออกเสียงในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะทำให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาส่วนนี้ได้ดี 
2. พัฒนาด้านจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เนื่องจากเรื่องราวในหนังสือทำให้คิดตามเนื้อเรื่องได้อย่างเพลิดเพลิน ต่อยอดสู่จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ตามช่วงวัยที่เหมาะสม 
3. เพิ่มสมาธิและวินัยให้กับเด็ก นับเป็นประโยชน์ทางอ้อมสำหรับเด็กในช่วง 3 ปีแรก การอ่านจะช่วยให้รู้จักการอดทน สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำได้นานขึ้น และการอ่านอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้เด็กมีวินัย ได้ฝึกการหัดทำสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
4. ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตลอดชีวิต เพราะช่วง 3 ปีแรก เป็นปีแห่งพัฒนาการ ทั้งการเรียนรู้ และการจดจำ ดังนั้น การเริ่มบ่มเพาะนิสัยรักการอ่านและมองว่าหนังสือเป็นสิ่งที่ละทิ้งไม่ได้ จึงควรเกิดขึ้นในช่วงนี้ 
5. เกิดสายสัมพันธ์พิเศษ คนในครอบครัว ได้ใช้ช่วงเวลาคุณภาพ มีกิจกรรมร่วมกันผ่านหนังสือนิทานเล่มโปรด ทำให้ทุกคนโดยเฉพาะเด็กๆ ได้รับรู้ถึงความรัก ความอบอุ่นและความผูกพันในครอบครัว 

B2S ขอแนะนำหนังสือจากสำนักพิมพ์ที่ร่วมสนับสนุนนโยบายสวัสดิการหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย ที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตาม ดีไซน์ภาพให้อ่านอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งเชื่อว่า จะกลายเป็นหนังสือเล่มโปรดของน้อง ๆ ได้แน่นอน 

7 หนังสือสำหรับเด็กปฐมวัยน่าอ่าน 

1. หนังสือชุดพะโล้จิตอาสา  จาก สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ 

 หนังสือนิทานภาพ 2 ภาษา รวมภาษาไทย-อังกฤษแสนสนุก ที่จะพาเด็กๆ ไปพบกับเรื่องราวของ ‘พะโล้’ หนูน้อยผู้อยากเป็นฮีโร่ จึงพยายามช่วยเหลือทุกคน โดยในหนังสือชุดนี้ นอกจากน้องๆ จะได้ฝึกฝนด้านภาษาแล้ว ยังช่วยปลูกฝังความคิดและนิสัยแห่งการช่วยเหลือให้กับน้องๆ ซึ่ง B2S จะขอแนะนำ 3 เล่มที่น่าสนใจ คือ พะโล้รักเมืองไทย พะโล้รวมพลัง พะโล้ช่วยได้ 

สั่งซื้อ คลิก 

2. กอดของพ่อ หอมของแม่ 

หนังสือนิทานภาพสี่สี และคำคล้องจองเล่มนี้ เนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเหล่าสัตว์แสนน่ารัก ที่จะชวนน้อง ๆ มากอดและหอมคนที่รัก เพราะการกอดและการหอมเป็นสัมผัสที่ช่วยถ่ายทอดความรู้สึกรัก ห่วงใย และความอบอุ่นที่จะทำให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีความสุข และเป็นคนคุณภาพของสังคม บอกเลยว่า หนังสือเล่มนี้ มีเนื้อหาน่าติดตาม และชวนเพลิดเพลินไปกับการเน้นเสียงและจังหวะของคำที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเสียงพูด ช่วยเพิ่มความสนุกได้เป็นอย่างดี  

สั่งซื้อ คลิก 

3. ลูกลิง...เก่งจัง 

หนังสือคำคล้องจองที่เล่าเรื่องของ ลูกลิง ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันได้ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บที่นอน อาบน้ำแปรงฟัน หรือการเข้าห้องน้ำ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เด็ก ๆ เลียนแบบตัวอย่างการใช้ชีวิตด้วยตัวเองจากพี่ลิงแล้ว ยังช่วยเสริมพัฒนาการการเรียนรู้เรื่องเสียงวรรณยุกต์ มาพร้อมภาพประกอบสี่สีสุดน่ารักอีกด้วย 

สั่งซื้อ คลิก 

4. อ้ำอ้ำ 

หนึ่งในหนังสือนิทานชุด เรียนรู้ลูกรัก ซึ่งเป็นนิทานที่จะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจพัฒนาการในช่วงขวบแรก โดยมีเนื้องหาเกี่ยวกับเรื่องการรับประทานอาหารแบบ อ้ำ อ้ำ หนังสือเล่มนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการอ่านนิทานร่วมกันในครอบครัว ที่สำคัญ ยังมีกิจกรรมประดิษฐ์ D.I.Y สุดเก๋ และสาระดี ๆ จากคุณหมอด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กด้วย

สั่งซื้อเลย คลิก 

5. หนังสือชุด ต้นกล้าเรียนรู้ประสาทสัมผัส 

นิทานภาพคำคล้องจอง มีภาพประกอบสีสันสดใส จากสำนักพิมพ์แฮปปี้คิดส์ ที่จะให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับประสาทสัมผัสของตัวเอง และเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว การอ่านเล่มนี้ จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ และยังได้ฝึกใช้ประสาทการรับรู้ต่างๆ ด้วย ซึ่งหนังสือในชุดนี้ ประกอบไปด้วย 5 เล่ม ได้แก่ เห็นอะไรนะ เสียงอะไรนะ กลิ่นอะไรนะ รสอะไรนะ รู้สึกอย่างไรนะ เก็บให้ครบด้วยนะ!

สั่งซื้อ คลิก 

6. หนังสือชุด ปิงปิง 

นิทานภาพคำกลอนสำหรับเด็กวัย 0-6 ปี พูดถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเด็กหญิงปิงปิง ที่จะสอดแทรกการใช้ภาษาและการเรียนรู้มารยาทที่ดีจากพ่อแม่และคนรอบข้าง เป็นตัวช่วยในการฝึกให้น้อง ๆ เรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ตั้งแต่คำทักทาย สวัสดี กล่าวขอบคุณเมื่อได้รับการช่วยเหลือ ขอโทษเมื่อทำผิด และ ไม่เป็นไร เรียนรู้การให้อภัยผู้อื่น การฝึกใช้คำง่าย ๆ แบบนี้ เป็นการปลูกฝังมารยาทที่ดีตั้งแต่ในบ้านเลย 

สั่งซื้อ คลิก 

7. นิทานคำกลอนชุด กะทิ 

เป็นหนังสือนิทานคำกลอน ที่ให้น้อง ๆ ได้ใช้จินตนาการไปกับเรื่องราวของ กะทิ ผ่านภาพประกอบ 4 สีสุดน่ารัก โดยเป็นเรื่องราวของกะทิและเพื่อน ๆ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตอน ‘แบ่งกันเล่นนะจ๊ะ’ ที่กะทิ จะสอนให้น้อง ๆ รู้จักการแบ่งปันและการรอคอย หรือ ตอน ‘กะทิไม่มีระเบียบ’ ที่จะช่วยส่งเสริมลักษณะนิสัยสำหรับเด็กเล็ก ฝึกวินัย ไม่วางของเล่นทิ้งขว้าง และช่วยคุณพ่อคุณแม่ เก็บวางเป็นที่ และอีกหลากหลายตอนที่ช่วยเสริมสร้างนิสัยพื้นฐานต่าง ๆ ให้กับน้อง ๆ 

สั่งซื้อ คลิก