B2S club logo
  • กิจกรรม
    • ตารางกิจกรรม
    • เกมเปิดการ์ด
    • Book Lover
    • กิจกรรมโปเกมอน
  • เรื่องน่ารู้
    • รวมเรื่องน่ารู้
    • บทความ
    • คลิป
    • พอดแคสต์
  • รีวิวหนังสือ
  • แบ่งปันเรื่องราวดีๆ
  • ช้อปออนไลน์
    • ข้อเสนอและโปรโมชั่น
    • แคตตาล็อก
    • หนังสือใหม่
    • หนังสือขายดี
    • B2S Online Shopping
  • เกี่ยวกับเรา
    • ติดต่อเรา
    • FAQ
    • นโยบายคุกกี้
    • นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • ข้อตกลงและเงื่อนไข
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
EN
    • หน้าหลัก
    • กิจกรรม
    • รีวิวหนังสือ
    • แบ่งปันเรื่องราวดีๆ
      เรื่องน่ารู้
    • รวมเรื่องน่ารู้
    • บทความ
    • คลิป
    • พอดแคสต์
      ช้อปออนไลน์
    • ข้อเสนอและโปรโมชั่น
    • แคตตาล็อก
    • หนังสือใหม่
    • หนังสือขายดี
    • B2S Online Shopping
      เกี่ยวกับเรา
    • ติดต่อเรา
    • FAQ
    • นโยบายคุกกี้
    • นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • ข้อตกลงและเงื่อนไข
  • หน้าหลัก
  • กิจกรรม
    • ตารางกิจกรรม
    • เกมเปิดการ์ด
    • Book Lover
    • กิจกรรมโปเกมอน
  • เรื่องน่ารู้
    • รวมเรื่องน่ารู้
    • บทความ
    • คลิป
    • พอดแคสต์
  • รีวิวหนังสือ
  • แบ่งปันเรื่องราวดีๆ
  • ช้อปออนไลน์
    • ข้อเสนอและโปรโมชั่น
    • แคตตาล็อก
    • หนังสือใหม่
    • หนังสือขายดี
    • B2S Online Shopping
  • เกี่ยวกับเรา
    • ติดต่อเรา
    • FAQ
    • นโยบายคุกกี้
    • นโยบายความเป็นส่วนตัว
    • ข้อตกลงและเงื่อนไข
EN
หน้าแรก • เรื่องน่ารู้ • บทความ •

สรุปข้อคิด “ถ้าอีก 1 ปี ฉันจะต้องตาย” ยันต์กันความรู้สึกเสียดาย ที่ควรอ่าน!

สรุปข้อคิด “ถ้าอีก 1 ปี ฉันจะต้องตาย” ยันต์กันความรู้สึกเสียดาย ที่ควรอ่าน!

12 มิ.ย. 67
5
4588
   B2S Club
สรุปข้อคิด “ถ้าอีก 1 ปี ฉันจะต้องตาย”  ยันต์กันความรู้สึกเสียดาย ที่ควรอ่าน!

   

พูดถึงเรื่องความตาย ถ้าลองสมมติว่าตัวเองจะต้องตายในอีก 1 ปีข้างหน้า ชาว B2S Club มีภาพในหัวยังไงกันบ้างคะ ? บางคนอาจเกิดความรู้สึกปลง อยากไปใช้ชีวิตในที่สงบ ๆ ที่ไหนสักที่ บางคนอาจถอนหายใจ ซึม คิดว่าจะจินตนาการไปทำไมให้รู้สึกเศร้าใจเปล่า ๆ บางคนอาจอยากลุกขึ้นมาทำบางอย่างที่อยากทำมาเนิ่นนานแต่ไม่มีโอกาส เพื่อให้มีความสุขที่สุดกับเวลาที่เหลืออยู่

จริง ๆ ดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวมาก ๆ เลยเนอะความตายเนี่ย คิดไปว่าอีก 1 ปีจะตายก็เท่านั้น เพราะชีวิตก็เหมือนเดิมทุกวัน เราก้มหน้าก้มตาเรียน ก้มหน้าก้มตาทำงาน ใช้ชีวิตที่บีบบังคับให้เราต้องเร่งรีบไปเรื่อย ๆ จนรู้ตัวอีกทีก็จะรู้สึกว่า ผ่านไปปีนึงแล้วเหรอ ยังตามหาความฝันของตัวเองไม่เจอเลย ยังทำสิ่งที่อยากทำไม่สำเร็จเลย ยังไม่มีเวลาออกไปใช้ชีวิตเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ลิสต์ไว้ตั้งแต่ต้นปีว่าอยากทำก็ยังไม่ได้เริ่มทำ

ถึงอย่างนั้น ท่ามกลางชีวิตที่วุ่นวาย เราก็ยังเฝ้าเสาะหาตัวเองเรื่อยไป ผัดสิ่งที่อยากทำจริง ๆ ออกไปก่อน เพราะเชื่อว่ายังมีพรุ่งนี้ให้เริ่มใหม่เสมอ แต่ถ้าได้ลองคิดว่าเมื่อไหร่เราจะตาย หรือรู้กรอบเวลาแน่ชัดแล้วว่าจะจากโลกนี้ไปตอนไหน กลายเป็นว่าเราสามารถขุดตัวเองให้ลุกมาทำสิ่งต่าง ๆ ที่อยากทำได้โดยไม่ลังเล คล้ายกับการลุกมานั่งปั่นงานส่งให้ทันเดดไลน์ยังไงอย่างงั้น

“ถ้าอีก 1 ปี ฉันจะต้องตาย” จึงเป็นหนังสือที่เราอยากชวนให้เพื่อน ๆ B2S Club อ่าน เพราะเป็นเล่มที่เราเปรียบได้ว่ามันคือ “ยันต์กันความรู้สึกเสียดาย” แต่จะเป็นความเสียดายในรูปแบบไหน เกี่ยวยังไงกับความตาย ตามมาอ่านรีวิวกันเลย


เนื้อเรื่องย่อ

“ถ้าอีก 1 ปี ฉันจะต้องตาย” เป็นหนังสือแนว Self-Help ที่เขียนโดยนายแพทย์โอซาวะ ทาเคโทชิ หมอที่ผ่านการักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายมากว่า 3,500 ราย ซึ่งจากการที่คุณหมอได้ซึมซับความคิด ความรู้สึก และอยู่เคียงข้างผู้ป่วยมาโดยตลอด ก็ค้นพบว่า เมื่อคนส่วนใหญ่ใกล้จะถึงเวลาต้องลาจากโลกนี้ไปแล้ว มักนึกย้อนไปถึงชีวิตที่ผ่านมาด้วยความรู้สึกที่ว่า “ฉันทำดีที่สุดแล้ว” “อยากไปเที่ยวกับครอบครัวอีกสักครั้ง” หรือไม่ก็เป็นความรู้สึกที่ว่า “รู้อย่างนี้…ใช้ชีวิตแบบนั้นดีกว่า”

นี่จึงเกิดเป็นการตั้งคำถามขึ้นว่า ชีวิตที่ไม่รู้สึกเสียใจภายหลังเป็นอย่างไร และชีวิตที่ดีเป็นอย่างไร ซึ่งคำถามเหล่านี้ เรามักจะมาตระหนักถึงมันก็ตอนที่เวลาชีวิตใกล้หมดลงแล้ว และตามมาด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตของตนเองอยู่เงียบ ๆ ในใจ ว่าที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตคุ้มแล้วหรือยัง มันดีหรือยัง หรือยังมีสิ่งที่อยากทำอยู่อีกมากน้อยแค่ไหน เราจะเห็นคุณค่าของชีวิตเปลี่ยนไปทันที และอยากจะจัดสรรเวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะมากได้

คงจะดีกว่า ถ้าตอนที่ยังแข็งแรง ยังมีกำลังที่จะทำสิ่งต่าง ๆ (หรือถึงแม้ว่าจะรู้ตัวแล้วว่าต้องตายเมื่อไหร่ก็ตาม) เราได้ลงมือทำในสิ่งที่อยากทำตั้งแต่วันนี้ ทำสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ใช้ชีวิตให้มีความสุข ยิ้มกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว เลิกเปรียบเทียบเส้นทางชีวิตตัวเองกับผู้อื่น และเลิกกดดันตัวเองให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของสังคม เพื่อที่ว่าเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตใกล้มาถึงแล้วได้มองย้อนกลับไป เราจะได้ไม่รู้สึกว่า รู้งี้ หรือเสียดายที่ยังไม่ได้ทำอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจมาตลอด

เนื้อหาในเล่มจะแบ่งออกเป็น 4 บทด้วยกัน โดยแต่ละบทก็จะมีหัวข้อย่อยออกไปอีก ซึ่งน่าสนใจมาก ๆ และสามารถเลือกอ่านบทที่สนใจก่อนก็ได้ แต่จะขอบอกไว้แค่ชื่อบทหลัก ๆ ตามนี้

  1. ถ้าอีก 1 ปีฉันจะต้องตาย
  2. ครอบครัวและความสัมพันธ์
  3. งาน เรื่องที่ภูมิใจ และความฝัน
  4. วิธีใช้ชีวิตให้เต็มที่กว่าเดิม

จะเห็นว่าแต่ละบทครอบคลุมชีวิตประจำวันของเราทุกคนมาก ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ก็จะได้เคล็ดลับดี ๆ จากเล่มนี้ไว้เป็นแรงผลักดันให้ตัวเองแน่นอน และถ้าถามเรื่องความยากง่ายในการอ่าน บอกได้เลยว่าอ่านง่ายย่อยง่ายสุด ๆ เนื้อหาไม่ได้วิชาการอะไรเลย ไม่ได้จงใจจะสอนคนอ่านมากเกินไป และยังเอามาปรับใช้ให้เกิดการลงมือทำได้จริง ๆ ด้วย แถมเป็นเล่มขนาดพกพา เลยรู้สึกว่าอ่านได้สบาย ๆ วันละนิดวันละหน่อยโดยไม่ต้องเร่งรีบ

ตัวอย่างข้อความและข้อคิดจากหนังสือ :

“ผมเชื่อว่าการคิดเกี่ยวกับความหมายของชีวิตช่วยให้เราตระหนักถึงสิ่งที่สำคัญกับเราอย่างแท้จริง ทว่าเวลาที่ยังสุขภาพแข็งแรงอยู่ เราแทบไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งสำคัญเหล่านั้นเลย เมื่อใกล้ถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้วนั่นแหละ คนส่วนใหญ่จึงเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาคืออะไร”

“ที่ผ่านมาผมทำงานโดยคิดว่าอยากเป็นที่พึ่งพิงของคนอื่นและสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของผู้ป่วยได้ ทว่าบ่อยครั้งผมกลับรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ เกิดความสงสัยว่าการมีอยู่ของผมนั้นมีความหมายหรือเปล่า พอผมรู้สึกขมขื่นและทุกข์ใจจนถึงที่สุด สุดท้ายก็ยอมรับความจริงว่า ผมก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่อ่อนแอคนหนึ่ง จริง ๆ แล้วผมก็ต้องการใครสักคนที่พึ่งพิงได้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน พ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว หรือผู้ป่วยที่ผมดูแล ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ดีที่ยังมีชีวิตอยู่ และคิดได้ว่า ถึงผมจะไร้ความสามารถ ช่วยอะไรไม่ได้ แต่การได้อยู่เคียงข้างผู้ป่วย คือที่พึ่งพิงของตัวเองที่ไร้ความสามารถ”

“รู้สึกเสียใจที่ทำ ดีกว่ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ทำ จงเห็นแก่ตัวบ้าง แล้วทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ หรือความฝันที่ใช้เวลานานกว่าจะเป็นจริง”

 “บางครั้ง ค่านิยมที่ว่า จำเป็นต้องมีสิ่งที่อยากทำ กลับทำให้คนเราเป็นทุกข์ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีสิ่งที่อยากทำ ก็ไม่ควรใจร้อนหรือตำหนิตัวเอง คุณมีจังหวะชีวิตของตัวเอง หากลองคิดว่า ถ้าอีก 1 ปีฉันจะต้องตาย ค่านิยมที่คุณยึดถือไว้จะพังทลายลง คุณอาจค้นพบสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริง ๆ และสิ่งที่คุณอยากให้ความสำคัญ ซึ่งอาจหลงลืม ล้มเลิก หรือถูกห้ามไม่ให้ทำระหว่างที่คุณเติบโตขึ้นก็ได้”

 

“บางคนไม่รู้สึกเพลิดเพลินกับความโดดเดี่ยว บางคนไม่มีคนที่ไว้วางใจได้ ส่วนบางคนต้องจากลาครอบครัว คู่ชีวิต หรือเพื่อนคนสำคัญ เลยรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา ทว่าสิ่งที่ค้ำจุนจิตใจเราในเวลาที่รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่ได้มีแค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น การเชื่อมโยงจิตใจกับธรรมชาติหรือคนและสัตว์เลี้ยงที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ช่วยบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวให้เราได้”

ความประทับใจ : ด้วยความที่เป็นหนังสือขนาดพอดีมือ จำนวนหน้าไม่เยอะมาก เนื้อหากระชับ ไม่แออัด ไม่เยิ่นเย้อ จึงเป็นเล่มที่อ่านได้สบาย ๆ ย่อยง่าย คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ ว่างเมื่อไหร่ก็หยิบอ่านสักหน้าสองหน้า ซึ่งถึงจะเนื้อหาไม่เยอะในแต่ละบท แต่ก็บอกได้เลยว่าทำให้ได้กลับมาทบทวนชีวิตตัวเองในหลายมิติจริง ๆ นะ

พอได้อ่านก็เริ่มรู้สึกอยากวางแผนชีวิตให้ดีกว่านี้ มีวินัยกับเป้าหมายที่อยากทำมากขึ้น และที่สำคัญคือ กล้าที่จะเริ่มต้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร แต่ขอให้เริ่มทำไปก่อน ฝึกฝนตัวเองไปทีละนิดเหมือนเด็กพึ่งหัดเดิน ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะมัวแต่กังวล ไม่อย่างงั้น ผ่านไปอีกหลายปีก็อาจจะยังไม่ได้เริ่มทำ หรือพอมีโอกาสดี ๆ เข้ามา เราก็จะรู้สึกเสียดายทีหลังเพราะคว้ามันไว้ไม่ได้

นอกจากเรื่องความฝันและเป้าหมาย เล่มนี้ยังทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลหัวใจตัวเองและความสัมพันธ์ดี ๆ ที่เรามีอยู่ในชีวิต แม้ในตอนที่เรารู้สึกโดดเดี่ยวแบบที่ใครก็ไม่อาจเข้าใจหรือปลอบใจเราได้ คำแนะนำจากคุณหมอที่บอกให้เราเชื่อมโยงใจตัวเองกับธรรมชาติหรือแม้แต่กับคนหรือสัตว์ที่จากโลกนี้ไปแล้ว ก็เป็นคำแนะนำที่ช่วยเยียวยาหัวใจเราได้ดีเหมือนกัน

ทำไมถึงควรอ่านเล่มนี้ :

ถ้านึกถึงความตาย มันก็เหมือนเป็นตัวแทนของขีดจำกัดที่บ่งบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะจบลงใช่มั้ยคะ แต่ในทางกลับกัน ตัวมันเองกลับเป็นกุญแจปลดพันธนาการให้เราหลุดออกจากกรงขัง เป็นอิสระ กล้าออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อก้าวออกไปค้นหาชีวิต เริ่มลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ และเห็นคุณค่าของทุกวินาทีที่ผ่านไปจริง ๆ ชื่นชมนักเขียนมาก ๆ ที่เอา “ความตาย” สิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามกับการ “เริ่มต้นใหม่” มาสร้างแรงบันดาลใจในการค้นหาชีวิตที่ไม่ไร้ความหมายของทุกคน

ชีวิตเราไม่ได้มีเดดไลน์ เราไม่ได้มีเส้นตายมาคอยจุดไฟให้ลุกลี้ลุกลน รีบลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างกับความฝันหรือเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งการไม่มีเดดไลน์นี่แหละที่น่ากลัวอย่างที่สุด มันเหมือนกับดักที่ปล่อยให้เราชิลล์ไปเรื่อยเพราะหลงคิดว่ายังไงก็มีพรุ่งนี้ให้เริ่มต้นเสมอ เล่มนี้จึงเป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยที่คอยย้ำเตือนให้เราเริ่มขีดเส้นตายให้ตัวเองบ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มลงมือทำในสิ่งที่อยากทำเสียที และได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทุกข์บ้าง เศร้าบ้าง ผิดหวังบ้าง สมหวังบ้างก็ไม่เป็นไร เราจะหาความหมายและคุณค่าของชีวิตเจอโดยไม่ต้องโบยตีตัวเองเหมือนอย่างที่ผ่านมา

ถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าเพื่อน ๆ ชาว B2S Club ก็คงอยากได้มินิไกด์เล่มนี้ไว้ย้ำเตือนตัวเองด้วยเหมือนกัน อ่านรีวิวจบแล้ว อย่าลืมแวะไปซื้อเล่มนี้ และหนังสือดี ๆ กันที่ร้านหนังสือ B2S นะคะ


สั่งซื้อหนังสือ “ถ้าอีก 1 ปี ฉันจะต้องตาย” คลิก 

มาเป็นชาว B2S CLUB ด้วยกันนะ สมัครสมาชิก
คลิกเลย!
Share
สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ คลิกเลย! icon shop
  • หนังสือจิตวิทยา,
  • ครอบครัวและเด็ก

ความคิดเห็น

5.0
กำหนดไฟล์รูป jpg, png, gif ขนาดไม่เกิน 5 MB เท่านั้น

ฝ้าย

27 มิ.ย. 67

5.0

0

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
เซิร์ฟท้าร้อน! เสิร์ฟที่เที่ยวทำกิจกรรมทางน้ำสุดมันส์
เซิร์ฟท้าร้อน! เสิร์ฟที่เที่ยวทำกิจกรรมทางน้ำสุดมันส์
7 หนังสือน่าอ่านฉบับไม่เปียกตัว แต่ฉ่ำหัวใจรับหน้าฝน
7 หนังสือน่าอ่านฉบับไม่เปียกตัว แต่ฉ่ำหัวใจรับหน้าฝน
DIY Planner Board ติดผนัง ชีวิตไม่รก..จดครบทุกสิ่งในบอร์ดเดียว
DIY Planner Board ติดผนัง ชีวิตไม่รก..จดครบทุกสิ่งในบอร์ดเดียว
ฟังนิทานแบบใหม่! Diy กล่องเล่านิทานมือหมุนสุดเจ๋ง
ฟังนิทานแบบใหม่! Diy กล่องเล่านิทานมือหมุนสุดเจ๋ง
7 เล่มดีท็อกใจ พักจิต พักใจ ในช่วง Social Detox
7 เล่มดีท็อกใจ พักจิต พักใจ ในช่วง Social Detox
Product of the week : เลี้ยงหมาในกระเป๋า  กับชุดมิกกี้เมาส์แบ็คแพ็ค
Product of the week : เลี้ยงหมาในกระเป๋า กับชุดมิกกี้เมาส์แบ็คแพ็ค
ดูทั้งหมดview all promotion b2s
  • คำค้นหา
  • คู่มือเลี้ยงลูก
  • หนังสือเตรียมสอบ
  • หนังสือนิยาย
  • หนังสือพัฒนาตนเอง
  • หนังสือเด็ก-นิทาน
  • มังงะ
  • ศิลปะสำหรับเด็ก
  • ศิลปะและงานฝีมือ
  • ของเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก
  • การเรียนและการติว
  • เทคนิคการเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง
  • หนังสือจิตวิทยา
  • ครอบครัวและเด็ก
  • นิยายวาย
  • การ์ตูนความรู้
  • BackToSchool
  • วรรณกรรมแปล
  • นิยายสืบสวน-ลี้ลับ
  • การเงินการลงทุน
  • ดูดวง
  • หนังสือขายดี
  • workshop-ศิลปะ
  • เทคนิคศิลปะ
  • โปเกมอน
  • สีอะคริลิค
  • บอร์ดเกม

  • หน้าหลัก
  • กิจกรรม
  • เรื่องน่ารู้
  • รีวิวหนังสือ
  • แบ่งปันเรื่องราวดีๆ
  • สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก

  • ข้อเสนอและโปรโมชั่น
  • แคตตาล็อก
  • หนังสือใหม่
  • หนังสือขายดี
  • B2S Online Shopping

  • ติดต่อเรา
  • FAQ
  • นโยบายคุกกี้
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • ข้อตกลงและเงื่อนไข
    B2S CLUB
  • หน้าหลัก
  • กิจกรรม
  • เรื่องน่ารู้
  • รีวิวหนังสือ
  • แบ่งปันเรื่องราวดีๆ
  • สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก
    ช้อปออนไลน์
  • ข้อเสนอและโปรโมชั่น
  • แคตตาล็อก
  • หนังสือใหม่
  • หนังสือขายดี
  • B2S Online Shopping
    เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • FAQ
  • นโยบายคุกกี้
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • ข้อตกลงและเงื่อนไข

รับข่าวสารและโปรโมชั่น

b2sclub-facebook b2sclub-twitter b2sclub-instagram b2sclub-youtube b2sclub-line
  • b2s partner
  • b2s partner
  • b2s partner
  • b2s partner
  • b2s partner
  • b2s partner
  • b2s partner
  • b2s partner
  • b2s partner
  • b2s partner
TOP

© 2021 B2S CLUB, All rights reserved. Web Design by 1001click.